"หมอแท้จริง" ขอ กมธ.กฎหมาย ตั้งอนุฯ แก้กม.เมาแล้วขับ คือ เจตนาฆ่า

"หมอแท้จริง" ขอ กมธ.กฎหมาย ตั้งอนุฯ แก้กม.เมาแล้วขับ คือ เจตนาฆ่า

นพ.แท้จริง ยื่นกมธ.กฎหมาย สภาฯ ขอให้ศึกษาแก้กม.เมาแล้วขับ ยกระดับ เป็นเจตนาฆ่า แทนประมาท เพื่อชนผู้อื่น พร้อมขอให้ติดตามคดีเมาแล้ว ขับ จ.ศรีสะเกษ

       นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.​พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะ กรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อขอให้กมธ.การกฎหมาย ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทำการศึกษาและแก้ไขบทลงโทษในฐานความผิดเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และขอให้ติดตามตรวจสอบคดีเมาแล้วขับที่ จ.ศรีสะเกษ 

        โดย นพ.แท้จริง กล่าวว่า สืบเนื่องจากความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรง ทั้งความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย ทุกปีจะมีคนไทยเสียชีวิตบนท้องถนนประมาณ 19,000 คน บาดเจ็บอีกประมาณ 1 ล้านคน มีผู้พิการไม่น้อยกว่า 60,000 คน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจนทำให้คนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญเกิดจากพฤติกรรมเมาแล้วขับ 

        นพ.แท้จริง กล่าวด้วยว่า บทลงโทษทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมผู้ที่เมาแล้วขับได้ เนื่องจากการเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในบริบทกฎหมายของประเทศไทยถูกนิยามว่า เป็นการขับขี่โดยประมาท ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายในต่างประเทศ โดยมีหลายประเทศที่กฎหมายกำหนดพฤติกรรมผู้ที่เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นเจตนาฆ่า หรือเจตนาเล็งเห็นผล ดังนั้นขอให้กมธ.ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทำการศึกษาและแก้ไขบทลงโทษฐานความผิดเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จากความผิดฐานประมาท ให้แก้ไขเป็นการขับที่มีอันตรายร้ายแรงเล็งเห็นผลได้ว่าจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต บาดเจ็บ และพิการ

 

          นพ.แท้จริง กล่าวว่า นอกจากนั้นขอให้ติดตามตรวจสอบคดีนายราเมศ มาด้วง อายุ 47 ปี ขับรถขณะเมาสุราชนนายสมปอง ลุนลา และน.ส.ยุวดี พลเยี่ยม 2 สามีภรรยาเสียชีวิต และบุตร 2 คน บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ โดยหลังจากขับรถชนแล้วยังพยายามขับหลบหนี 

        ด้านนายสิระ กล่าวว่าในกรณีของนายราเมศนั้น ตนจะทำหนังสือเรียนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิด ซึ่งการกระทำของนายราเมศตนมองว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาปกปิดความผิด จึงจะดำเนินการในคดีดังกล่าวให้เป็นคดีตัวอย่างต่อไป.