“นายกฯ” เตรียมประชุมศบค.ชุดใหญ่ 27 ก.ย. จ่อเคาะคลายล็อก 10 กิจการ

“นายกฯ” เตรียมประชุมศบค.ชุดใหญ่ 27 ก.ย. จ่อเคาะคลายล็อก 10 กิจการ

“นายกฯ” เตรียมประชุมศบค.ชุดใหญ่ 27 ก.ย. จ่อเคาะคลายล็อก 10 กิจการ “ศูนย์เด็กเล็ก-ห้องสมุด-พิพิธภัณฑ์-หอศิลป์-ฟิตเนส-ทำเล็บ-สัก-นวด-โรงหนัง-เล่นดนตรีในร้าน” ขณะที่ห้าง-ร้านสะดวกซื้อ-ตลาดเตรียมเฮเปิดได้ถึง 3 ทุ่ม

            รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เตรียมเสนอแนวทางผ่อนคลายมาตรการกิจการ กิจกรรมต่างๆ ต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานการประชุม ในวันที่ 27 กันยายนนี้ โดยมีรายละเอียดที่จะเสนอให้พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน หรือจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน และจะเสนอให้เลื่อนการเปิดพื้นที่ Sandbox ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้เตรียมจะให้ 5 จังหวัดเป็นพื้นที่นำร่อง จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะเปิดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แต่จะเสนอให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน

 

            นอกจากนี้จะเสนอให้ผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมที่ถูกสั่งปิดเพิ่มขึ้น 10 ประเภท ได้แก่ 1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และวัยก่อนเรียน 2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดเอกชน ห้องสมุดชุมชน 3.พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หอศิลป์ 5.กีฬาในร่ม ในห้องที่มีระบบปรับอากาศ ฟิตเนส 6.ร้านทำเล็บ 7.ร้านสัก 8. ร้านนวด สปา เพื่อสุขภาพ 9.ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ฉายภาพยนตร์ และ 10.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร โดยผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ และจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ COVID-Free Setting ก่อนเปิดบริการ 

            สำหรับศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่กลุ่มกีฬากลางแจ้ง ที่ร่มโล่งมีอากาศถ่ายเทสะดวก การซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกประเภท และร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ให้เฉพาะที่จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และ ขยายเวลาเปิดให้บริการไม่เกินเวลา 21.00 น. จากเดิมที่เปิดบริการได้ถึง 20.00 น.  

 

            ขณะเดียวกัน จะเสนอให้พิจารณาให้ปรับเวลาออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว จากเดิม 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ขยับเป็นเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น 

 

            และจะเสนอปรับลดระยะเวลาในการกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ โดยให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยในทุกช่องทางที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์มาแล้วอย่างน้อย 14 วัน ให้กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 ครั้งสอง วันที่ 6-7 ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศซึ่งโดยสารมาทางเครื่องบิน และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 ครั้งสอง วันที่ 8-9 ขณะที่ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางบก และไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งสองวันที่ 12-13 ทั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้  

 

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชุม ศปก.ศบค.ยังจะเสนอให้พิจารณาแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยมาก หรือพื้นที่สีฟ้า คือ การจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด รวมถึงการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งอำเภอ ตำบล หรือหมู่บ้าน  ที่ ตามความพร้อมของพื้นที่  และจะให้ใช้ระบบแบบ Bubble and Seal ที่เรียกว่า Sealed Route

 

            "ทั้งนี้ ที่ประชุม ศปก.ศบค.เห็นว่า การพิจารณาผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมครั้งนี้ จะต้องตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการควบคุมโรคอย่างเหมาะสม โดยต้องมีแผนเตรียมการและทรัพยากรรองรับสถานการณ์ ทางด้านการจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก"