ยิ่งปลดล็อกวัคซีน ยิ่งสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’

ยิ่งปลดล็อกวัคซีน ยิ่งสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’

เมื่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐ อนุมัติให้ "วัคซีนไฟเซอร์" พ้นจากเงื่อนไข "วัคซีนในภาวะฉุกเฉิน" เพื่อรับมือโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ทันท่วงที เปิดทางให้รัฐบาลและเอกชนหลายๆ ประเทศเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น

การอนุมัติวัคซีนไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบ เป็นการเปิดทางให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการตั้งเงื่อนไขให้พนักงานต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และความเคลื่อนไหวของเอฟดีเอไม่เพียงส่งผลกระทบเชิงบวกในประเทศสหรัฐ ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปทุกภูมิภาค มีผลพลอยได้ในการทำสงครามวัคซีนที่มีคู่แข่งสำคัญทั้งจีนและรัสเซีย ให้ต้องปรับยุทธศาสตร์อีกครั้ง

กลับมาที่ประเทศไทย ย้อนไปหนึ่งวันก่อนหน้า วันที่ 23 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จัดประชุมทางไกลนัดพิเศษกับนายปาสคาล โซริออต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ในหัวข้อความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการป้องกันโควิด ในภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว

ผลการหารือเป็นที่น่าพอใจ ซีอีโอแอสตร้ารับปากว่าจะส่ง “วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า” ให้ครบทั้ง 61 ล้านโดส ในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ ภายใต้เงื่อนไขประเทศไทยต้องสั่งแอสตร้าฯ ในปีหน้าอีก 60 ล้านโดส