นายกฯ สั่งกลาโหมถอนงบ 65 'เรือดำน้ำ' กองทัพเรือ

นายกฯ สั่งกลาโหมถอนงบ 65 'เรือดำน้ำ' กองทัพเรือ

โฆษกกลาโหม เผยนายกฯ สั่งถอนงบ 65 "เรือดำน้ำ" กองทัพเรือ แจง กห.-ทร.ประเมินร่วมกันแล้ว เตรียมถกจีนถึงเหตุผลจำเป็น จากเหตุโควิดกระทบประชาชนวงกว้างต่อเนื่อง

18 ..64 พล.. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ หลังจากฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลในคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 65 คัดค้านงบฯจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า ความจริงเรื่องนี้กลาโหมได้หารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ถึงเหตุผลความจำเป็นของการเสริมสร้างกำลังทางทะเลรับมือกับสภาพแวดล้อมภัยความมั่นคง โดยเฉพาะมิติ "ใต้น้ำ" ที่เรามีความสามารถจำกัด เพื่อรักษาดุลภาพความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้กลาโหมและกองทัพเรือไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำ หรือยืดเวลาออกไปก่อน

โดยกลาโหมได้เห็นถึงปัญหาภาระงบประมาณและความจำเป็นเร่งด่วนในการบริหารจัดการงบประมาณของประเทศ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงประชาชนภาพรวม

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในปี 2563 และ 2564 ที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ส่งคืนงบประมาณจำนวน 3,375 ล้านบาท และ 3,425 ล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมตามความจำเป็นเร่งด่วน

สำหรับในปี 2565 กระทรวงกลาโหมได้ประเมินร่วมกันแล้วว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงอยู่ และมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง พล.. ประยุทธ์ ได้สั่งการไปแล้ว ให้พิจารณาถอนแผนงานงบประมาณโครงการเรือดำน้ำออกไปก่อน โดยให้หารือกับกลาโหมจีนถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอชะลอโครงการในปีนี้ออกไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า โครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือเป็น โครงการตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ที่ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันโดยตรงตามข้อตกลงและโปร่งใส ไม่ผ่านคนกลางหรือบริษัทนายหน้าอื่นใด โดยที่ผ่านมาได้ติดต่อตรงกับจีนผ่านช่องทางการทูตเท่านั้น จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคม และไม่อยากให้มีการแสวงประโยชน์จากกลุ่มใดๆ หรือการใช้ประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจเกินเลยไปกระทบความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้