ตั้งคกก.สอบโทษวินัยเอี่ยวทุจริตสกสค.กว่า2.5พันล้าน
สกสค. ตั้งคณะกรรมการสอบโทษวินัย ปมเอี่ยวทุจริต2.5พันล้าน 20มี.ค.นี้
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เดินหน้าตรวจสอบการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินบริษัท บิลเลียนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ต้งแต่ปลายปี 2558 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา สกสค.ได้รับเงินมาแล้ว 500 ล้านบาท แต่ยังเหลืออีก 2,500 ล้านบาท ที่บริษัท บิลเลียนฯไม่ได้คืนเงินและหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน เมื่อตรวจสอบมูลค่าและความถูกต้องก็พบว่าเป็นเอกสารปลอม
ล่าสุด ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา( สกสค.) และ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของ สกสค.กล่าวภายหลังการประชุม สกสค. และองค์การค้าฯ ซึ่งมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าว ว่าสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้รายงานว่าจากที่ได้ออกหมายจับผู้กระทำผิด จำนวน 4 คนนั้น ขณะนี้จับได้แล้ว จำนวน 2 คน ยังเหลืออีก 2 คน
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รายงานว่าการไต่สวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าและคาดว่าน่าจะได้ข้อยุติภายใน 2 เดือน ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการยืดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 123 ล้านบาท และยังยึดทรัพย์เพิ่มอีก 600 ล้าน แต่อยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ของจำเลย
เนื่องจากจำเลยอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ทางสกสค.ก็เตรียมอุทธรณ์กลับ เพราะเห็นว่าเงินจำนวนนั้นเป็นเงินที่ใช้ในการหลอกล่อ ทำให้เห็นผลและจูงใจให้ทำการลงทุนต่อ ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ปปง. ได้ดำเนินการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วย และในส่วนการดำเนินการที่เกี่ยวกับคดี ทางดีเอสไอ ได้บรรจุเข้าเป็นวาระ เพื่อขอคณะกรรมการดีเอสไอ ได้มีการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษด้วย เพื่อให้ดีเอสไอสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่และคล่องตัว นอกจากนี้ตนยังได้ตั้งผู้ประสานคดีกับหน่วยงานต่างๆ ด้วย
ดร.พิษณุ กล่าวต่อว่าส่วนการดำเนินการทางวินัย อยู่ระหว่างดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของ สกสค. ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในฐานะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ส่วนกรรมการกองทุนฯที่เป็นข้าราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ยังไม่ได้รับการสอบสวน ดังนั้นในวันที่ 20 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมรายงานความคืบหน้าการดำเนินการกับข้าราชการทั้ง 2 สังกัด โดยมี รมว.ศธ. เป็นประธาน หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็อาจจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการทั้ง 2 สังกัดทันที
นอกจากนี้คณะสอบสวนทางวินัย ที่มีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็น ประธาน ได้รายงานให้ทราบว่า จากการสอบสวนพบประเด็นที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ว่าการทุจริตครั้งนี้ มีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ มีการวางแผนไว้ และกระทำการโดยมิชอบ ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจจะเข้าข่ายมาตรา 157 ทำการโดยปราศจากอำนาจ โดยมีเจตนาจะทุจริตร่วมกับภาคเอกชนด้วย
“รมว.ศธ. ย้ำชัดว่า เหตุใดที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนผิดลอยนวลอยู่ ดังนั้นในฐานะผู้ปฏิบัติต้องคอยเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการนำตัวคนที่กระทำความผิดมารับผิดชอบให้ได้ เพราะการลงโทษทางวินัยถือว่าไม่หนักเท่าการดำเนินการทางคดีทั้งอาญาและแพ่ง จึงต้องดำเนินการโดยเร็ว" ดร.พิษณุ กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย นายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้าของ สกสค. กรณีบริษัท ล็อกซเลย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) ดำเนินการฟ้องแพ่งองค์การค้าฯด้วย







