'เรืองไกร'บี้'ป.ป.ช.'ฟันเทพเทือกรับ 'นกหวีดทอง'

'เรืองไกร'บี้'ป.ป.ช.'ฟันเทพเทือกรับ 'นกหวีดทอง'

“เรืองไกร” บี้ “ป.ป.ช.” ฟัน "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รับ "เงิน-นกหวีดทองคำ" ช่วงชุมนุม “กปปส.” เข้าข่ายผิด ม.103 “กม.ป.ป.ช.” ชี้ ความผิดสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทำหนังสือชี้แจงผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในฐานะอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีรับทรัพย์สินเป็นนกหวีดทองคำและเงินสดจำนวนมากจากบุคคลทั่วไป ขณะที่มีการการชุมนุม กปปส.นั้น

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ทราบว่า กรณีการรับเงินสดจำนวนมากจากบุคคลทั่วไปนั้น เป็นการบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการชุมนุม รวมทั้งค่าใช้จ่ายให้สภาทนายความดำเนินการฟ้องคดีเพื่อช่วยเหลือชาวนาเรียกร้องเงินตามโครงการรับจำนำข้าว และเพื่อช่วยเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม โดยมีกองทุนสำหรับการต่อสู้ของ กปปส.เป็นส่วนกลาง ดังนั้น การรับบริจาคของนายสุเทพ เป็นการรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส.เท่านั้น ไม่ได้เก็บรักษาเงินหรือดูแลบริหารจัดการเงิน

ทั้งนี้ นายสุเทพ มิได้มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับเงินบริจาคนั้นไว้เป็นสิทธิของตน เช่นเดียวกับกรณีการรับนกหวีดทองคำ เพราะกปปส.ได้กำหนดให้นกหวีดเป็นสัญญาลักษณ์ในการต่อสู้ การที่ประชาชนเยาวราชได้มอบนกหวีดทองคำให้นายสุเทพเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนการต่อสู้ของ กปปส.ดังนั้น นายสุเทพจึงรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส.เท่านั้น มิได้มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับนกหวีดทองคำนั้นไว้เป็นสิทธิของตน

โดยล่าสุดนายเรืองไกร ได้มายื่นข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าวต่อป.ป.ช. แล้ว โดยเห็นว่าจากข้อเท็จจริงที่ ป.ป.ช.ชี้แจงมานั้น เห็นได้ชัดเจนว่า นายสุเทพรับนกหวีดทองคำจากชาวเยาวราชจริง จึงถือได้ว่ากระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว และการอ้างว่านายสุเทพรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส. ก็ไม่อาจรับฟังได้เพราะไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตามประกาศ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2543 แต่อย่างใด เพราะการรับนกหวีดทองคำนั้นถือว่าเป็นการรับทรัพย์สินจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคาเกิน 3,000 บาท จึงขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินการชี้มูลความผิดในกรณีดังกล่าวต่อไป