ครม.อนุมัติงบ330ล. สร้างเรือนจำโครงสร้างเบา17แห่ง
“มติครม.” เห็นชอบ อนุมัติงบ 330 ล. สร้าง “เรือนจำโครงสร้างเบา” 17 แห่ง เตรียมนักโทษถูกปล่อยตัวมีอาชีพ ย้ำ “นักโทษข่มขืนฆ่า” ไม่ได้อภัยโทษ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องที่กระทรวงยุติธรรมขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 งบกลาง และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการก่อสร้างเรือนจำโครงสร้างเบา ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมบอกว่า เรื่องนี้ได้เคยได้รับอนุมัติจากครม.มาแล้ว เป็นงบประมาณจำนวน 330 ล้านบาท ซึ่งในตอนนั้นได้จัดทำแผนที่จะเอาไปทำเรือนจำเพิ่มเติม 5 แห่ง แต่มาคิดอีกทีแล้วยังเป็นการไม่ตอบโจทย์
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า โจทย์ที่ว่าคือ ประการแรก ปัจจุบันมีคนล้นคุก เรือนจำมีอยู่จำกัดอัตราการเพิ่มของนักโทษต่อเดือน เฉลี่ย 3,000 คนต่อเดือนในทั่วประเทศ ประการที่สองในรอบ 1 ปี จะมีเพียง 3 โอกาสที่จะมีการขอพระราชทานอภัยโทษ และมีการปล่อยให้กับมาใช้ชีวิตในสังคมปกติ โดยในปีหนึ่งนั้นจะมีผู้ต้องขังพ้นโทษออกมาเฉลี่ย 27,000 – 30,000 คน แต่คนในสังคมก็จะมีความกังวลเล็กๆว่าคนที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว เขาจะกลับมามีพฤติกรรมแบบเดิม หรือจะเป็นอันตรายต่อสังคมหรือไม่
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในขณะเดียวกันตัวของผู้ที่ถูกคุมขังเขาก็ประสบปัญหาว่า ในช่วงที่ไปอยู่ในเรือนจำ และช่วงที่ออกมาอยู่ในสังคมปกติแตกต่างกัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้ทันทีหลังการปล่อยตัว วันนี้ทางกระทรวงยุติธรรมปรับแผน ขอจัดทำเรือนจำโครงสร้างเบาจำนวน 17 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค เพื่อที่จะรองรับผู้ที่พ้นโทษในปีนั้นๆเพื่อส่งเสริมอาชีพ อบรมให้ความรู้ให้ และให้กำลังใจ ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ
“โครงสร้างเรือนจำเบานั้นจะเป็นการจัดให้มีเรือนพักชั่วคราวจำนวน 1-2 หลัง มีรั้วรอบแต่อาจจะไม่เข้มงวดเท่าเรือนจำหลัก ซึ่งคนที่ถูกย้ายจากเรือนจำหลักมาอยู่ในเรือนจำโครงสร้างเบาถือเป็นบุคคลที่เตรียมจะได้รับการปล่อยโทษแล้ว แต่เพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ เพราะที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องมาว่าผู้ที่มีคดีข่มขืน ฆ่า สังคมมองว่าอยากให้ลงโทษถึงขั้นเสนอให้มีการประหารชีวิต แต่ผู้ที่ได้รับการอภัยโทษและจะถูกปล่อยตัวจะไม่อยู่ในขอบข่ายกลุ่มพวกโทรมหญิง คดีข่มขืน และคดีข่มขืนและฆ่า จะไม่มีพวกเหล่านี้ที่จะได้รับการอภัยโทษ" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรือนจำโครงสร้างเบาจำนวน 17 แห่ง คือ 1.เรือนจำชั่วคราวปงยางคก (ทัณฑสถานพิเศษลำปาง) 2.เรือนจำชั่วคราวหนองเรียง (เรือนจำ อ.สวรรคโลก ) 3. เรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว (เรือนจำกลางระยอง ) 4.ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จ.นครราชสีมา 5.เรือนจำชั่วคราวห้วยกลั้ง ( เรือนจำ อ.หลังสวน ) 6.เรือนจำชั่วคราวโคกมะตูม (เรือนจำ อ.นางรอง) 7.เรือนจำชั่วคราวร่องห้า (เรือนจำ จ.พะเยา) 8.เรือนจำชั่วคราวห้วยม้า (เรือนจำ จ.แพร่) 9.เรือนจำชั่วคราว แคน้อย (เรือนจำ จ.เพชรบูรณ์) 10.ทัณฑสถานเปิดหนองน้ำขุ่น จ.นครสวรรค์ 11.ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยอง 12.ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จ.จันทบุรี 13.เรือนจำชั่วคราวรอบเมือง (เรือนจำ จ.ร้อยเอ็ด) 14.เรือนจำชั่วคราวโคกคำม่วง (เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์) 15.ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวง จ.พัทลุง 16 เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง (เรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี) และ 17.ทัณฑสถานเปิดบ้านเนินสูง จ.ปราจีนบุรี







