'ธีรภัทร'ชำแหละร่างรธน. พบหลายจุดบกพร่อง

"ธีรภัทร"ชำแหละร่างรธน. พบหลายจุดบกพร่อง เชื่อปล่อยไว้ก่อปัญหาในอนาคตแน่ จ่อร่อนข้อเสนอให้กรธ.15ก.พ.นี้
นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) แถลงถึงมติของสพม.ต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเบื้องต้นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ยังมีข้อบกพร่องหลายประการและไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้เป็นรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ข้อบกพร่องของร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวนี้เป็นปัญหาเชิงหลักการ หากยังนำยึดหลักการตามร่างนี้ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาการเมืองและการปกครองในอนาคต สพม.จึงมีความเห็นดังนี้ ประเด็นสิทธิและเสรีภาพ ที่ยังมีความคลุมเครือขาดความชัดเจน จึงอยากให้ปรับปรุงแก้ไขหมวดว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพให้ชัดเจน และต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตามที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 40 และ 50 ส่วนการที่ กรธ.กำหนดใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือก ส.ส.เขต และนำคะแนนไปคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือเป็นการบังคับให้ผู้มีสิทธิออกเสียงต้องลงคะแนนให้กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งสังกัดพรรคเดียวกับที่ลงคะแนนให้กับ ส.ส.เขต ซึ่งขัดต่อทฤษฎีเลือกตั้ง ขัดเจตนารมณ์และขัดหลักสากล นอกจากนี้ยังเห็นว่า วิธีการได้มาซึ่งส.ว. ที่กำหนดให้มาจากผู้แทนสาขาอาชีพเป็นการนำหลักการตัวแทนกลุ่มอาชีพมาทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของกลุ่มอาชีพไม่เป็นไปตามหลักการที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย โดยเห็นควรให้ส.ว.เลือกตั้งโดยตรง
นายธีรภัทร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเห็นว่า การที่ย้ายมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 มาบัญญัติให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการบิดเบือนไปจากประเพณีการปกครอง และยังเป็นการช่วงชิงพระราชอำนาจของกษัตริย์มาเป็นของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ขณะเดียวกัน ยังไม่เห็นด้วยกับกรธ.ที่กำหนดหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแบบปิดตาย โดยเฉพาะการกำหนดให้ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ10ของแต่ละพรรคต้องให้ความเห็นชอบอย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดนี้จะนำส่งให้กรธ.ในวันที่ 15 ก.พ.นี้
"ในฐานะส่วนตัวผมอยากเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า1.หากร่างรัฐธรรมนูญที่กรธ.ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว แต่พบว่ายังไม่เป็นที่พอใจองประชาชนไปให้ประชาชนลงประชามติแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบ ผมคิดว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้แต่งตั้งกรธ.ชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่ และขอตั้งคำถามว่าเมื่อถึงจุดนั้นคสช.จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร 2.หากจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามตินั้นตนไม่ขัดข้อง แต่ขอเสนอให้ระบุเพิ่มเติมไปด้วยว่า”อย่างน้อยต้องมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิประชามติมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดด้วย”เพราะถ้าประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่งต่อให้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ถือว่าผ่านไม่ได้ ยกตัวอย่าง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 48 ล้านคน กึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มาใช้สิทธิต้องมากกว่า 24 ล้านคน ถ้ามาแค่ 10 ล้านคน แล้ว 8 ล้านคนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าไม่ผ่านการทำประชามติ เพราะต้องมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด จึงขอฝากผู้มีอำนาจได้พิจารณาเพราะหากจะปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ก็อย่าคิดแก้ไขแค่เพียงประเด็นเดียว" นายธีรภัทร์ กล่าว
นายธีรภัทร์ กล่าวอีกว่า 3.การที่รัฐบาลบอกว่าจะแก้ไขจำนวนการแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชนมาเป็นอย่างกว้างขวางทั่วถึงทุกช่องทางจากเดิมกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของครัวเรือนนั้น โดยอ้างว่าประชาชนไม่อ่าน ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองนั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะแก้ไขประเด็นนี้ เมื่อรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) กำหนดไว้อย่างไรก็ต้องดำเนินการเช่นนั้น จะไปคิดล่วงหน้าว่าประชาชนอ่านหรือไม่อ่านไม่ได้ 4.รัฐบาลไม่ควรปิดกั้นหรือขัดขวางการแสดงความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ควรเปิดเวทีจัดเสวนาได้อย่างอิสระ เพราะหากขัดขวางก็จะเป็นอันตรายทำให้ประชาชนออกมาต่อต้าน และ 5. ทางออกที่ดีที่สุดของเวลานี้ ถ้าคสช.เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มไม่ผ่านประชามติ อย่าไปเสียเวลาเลย ควรเร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด หากถามว่าจะจัดการเลือกตั้งโดยเร็วได้ด้วยวิธีการอย่างไรนั้น ขอให้มาถามตนได้ พร้อมยินดีบอก ไม่ใช่เรื่องยากเลย วิธีการนี้จะเป็นการลงจากอำนาจที่สวยงาม เป็นการลงจากหางเสือโดยที่ไม่บาดเจ็บ ประชาชนก็จะให้การยกย่องและชมเชย และขอย้ำว่า ตนไม่ได้กลัวการสืบทอดอำนาจแต่ให้ความสำคัญกับวิกฤติทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ควรเร่งหาทางออกโดยไม่ต้องรอถึงปี 2560 ปีนี้ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้







