คุกตลอดชีวิต!'หนุ่ย ติ๊งต่าง' ฆ่าอนาจารเด็กชาย7ขวบ

ศาลอาญา พิพากษาคุกตลอดชีวิต สำนวนที่ 3 “ หนุ่ย ติ๊งต่าง ” ฆ่า-อนาจารเด็กชาย 7 ขวบ ลวงเด็กจากงานกฐินเมืองเลยปี56
ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 17 พ.ย.58 เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1396/2556 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง หรือขุนเดช ไม่มีนามสกุล อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลย ในความผิดฐานซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.199,กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กับอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผู้อื่น ฯ ม.277 และ 277 ทวิ,ล่อลวงไปเพื่ออนาจารกับผู้ที่อายุไม่เกิน 15 ปี ฯ ม.283 ทวิ,ฆ่าผู้อื่น ม.288,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ฯ ม.289,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ ม.309,หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ ม.310 และ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีจากผู้ปกครองฯ ม.317
ตามฟ้องอัยการ โจทก์ วันที่ 19 ก.พ.58 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย.56 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยพราก ด.ช.แม็ก (นามสมมุติ) อายุ 7 ปี ไปจากบิดาและมารดาเพื่อนำเด็กไปกระทำชำเรา โดยจำเลยพูดหลอกเด็กชายจากงานกฐิน วัดศรีอุดมวงษ์ ว่า จะพานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานไปเที่ยว เมื่อเด็กยินยอมไปด้วยจำเลยก็ได้ใช้กำลังประทุษร้าย ฉุด ดึงเด็กชาย เข้าไปในป่าบนยอดเขาภูผาสิงห์ เขตบ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย แล้วจำเลยใช้สนองความใคร่ผ่านทวารหนักของเด็กชาย จนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้งโดยเด็กนั้นไม่ยินยอมแต่อยู่ในภาวะที่ขัดขืนไม่ได้ ซึ่งเด็กชายสลบหมดสติและถึงแก่ความตายขณะถูกกระทำชำเรา ซึ่งจำเลยมีเจตนาฆ่าและได้ไตร่ตรองไว้ก่อนโดยใช้มือทั้งสองบีบลำคอเด็กชายอย่างแรงจนขาดอากาศหายใจ ต่อมาจำเลย ได้นำศพห่อด้วยผ้าห่มแล้วยัดใส่ถุงปุ๋ยแล้วนำเสื้อกางเกง รองเท้าแตะผู้ตายใส่ลงไปก่อนใช้เชือกมัดปากถุงไว้ โดยทิ้งศพไว้ที่เกิดเหตุอันเป็นการซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย เหตุเกิดที่วัดศรีอุดมวงษ์ ต.ศรีสงคราม และที่ภูผาสิงห์ เขตบ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
โดยศาล ได้เบิกตัวจำเลย มาจากเรือนจำ เพื่อฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ชั้นพนักงานสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ พร้อมเขียนแผนที่แสดงเส้นทางที่ซ่อนเร้นศพที่ยอดภูผาสิงห์ กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปพบศพโครงกระดูกเด็กชายและเสื้อผ้าในชุดวันที่หายตัวไป แม้คำให้การของจำเลยเป็นพยานบอกเล่า แต่ศาลก็สามารถรับฟังได้
ขณะที่พนักงานสอบสวน พยานโจทก์ เบิกความว่า วันที่ไปสอบสวนจำเลย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีทนายความ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา และผู้สื่อข่าว เข้าร่วมฟังการสอบสวน จึงเป็นการยากที่จะข่มขู่ให้จำเลยรับสารภาพ
แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่การที่จำเลยให้การรับสารภาพ กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปพบโครงกระดูก แสดงว่าจำเลยกระทำผิดจริง การที่จำเลยล่อลวงเด็กชายจากวัดศรีอุดมวงษ์ พาซ้อนท้ายจักรยานขึ้นไปบนภูผาสิงห์ โดยอาศัยจังหวะที่เด็กชายเผลอ แล้วบีบคอจนเสียชีวิตก่อนกระทำชำเราเด็กชาย หลังจากนั้นจำเลยนั่งรอเพื่อให้เด็กชายฟื้นเพราะจำเลยเข้าใจว่าเด็กสลบ จึงฟังได้ว่ากระทำผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา และพาไปเพื่อการอนาจาร และฆ่าผู้อื่นแต่ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนการที่จำเลยนำผ้าห่มมาห่อศพแล้วทิ้งไว้ที่บริเวณภูผาสิงห์เป็นสถานที่เปลี่ยวไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นการซ่อนเร้นปิดบังสาเหตุการตาย
จึงพิพากษา ให้ประหารชีวิต จำเลยฐานฆ่าผู้อื่น , จำคุก 1 ปี ฐานซ่อนเร้นทำลายศพฯ , จำคุก 6 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และจำคุกอีก 6 ปี ฐานพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แต่คำให้การของจำเลย ในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่น , จำคุก 8 เดือน ฐานซ่อนเร้นทำลายศพฯ , จำคุก 4 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และจำคุก 4 ปี ฐานพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร และเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว โดยให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีศาลจังหวัดพระโขนง และคดีศาลอาญาที่พิพากษาแล้วด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายติ๊งต่างก่อนหน้านี้ ก็ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี มาแล้ว 2 สำนวน โดยชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบด้วย 1.คดีหมายเลขดำ อ.602/2557ของศาลจังหวัดพระโขนง กรณีเมื่อวันที่6ธ.ค.56จำเลยได้ลวง ด.ญ.การ์ตูน อายุ6ปี ไปซื้อขนมก่อนจะพาเข้าไปในพงหญ้า ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง แล้วทำร้ายเด็กหญิง จนหมดสติก่อนกระทำชำเรา จนสำเร็จความใคร่
2.คดีหมายเลขดำ อ.163/2558ของศาลอาญา กรณี เมื่อวันที่ 5 ก.พ.56 จำเลย ได้พราก ด.ญ.หญิง อายุ 4 ปีเศษไปจากเป็นตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง ระหว่างไปขายของที่งานกาชาดอำเภอเมืองเลย โดยจำเลยพูดจาหลอกล่อว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อแล้วใช้กำลังบีบบังคับฉุดลากเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย
โดยนายหนุ่ยหรือติ๊งต่าง ภายหลังถูกจับกุม ได้ให้การรับสารภาพและยอมรับว่า นอกจากน้องการ์ตูนแล้ว นายหนุ่ยยังได้ก่อเหตุกระทำอนาจารเหยื่อมาแล้วนับ10ราย เริ่มตั้งแต่ปี2551หลังจากที่ตัวเองพ้นโทษในคดีพรากผู้เยาว์ฯ มาเป็นเวลา3ปี โดยฆ่าตาย4ศพ ซึ่งคดีน้องการ์ตูน เป็นศพสุดท้าย




