'ไพบูลย์'แจงเปิดเรือนจำชั่วคราวมทบ.11 ให้สื่อพิสูจน์

'ไพบูลย์'แจงเปิดเรือนจำชั่วคราวมทบ.11 ให้สื่อพิสูจน์

"ไพบูลย์"เตรียมหารืออธิบดีราชทัณฑ์เปิดเรือนจำชั่วคราวมทบ.11ให้สื่อพิสูจน์สภาพความเป็นอยู่ ตอบข้อสงสัยการคุมขัง หลังแสดงความเห็นการเสียชีวิต

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการปิดเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมทบ. 11 ภายหลังมีผู้ต้องขังคดีความผิดมาตรา 112 เสียชีวิตขณะถูกคุมขังในเรือนจำ 2 ราย ว่า อนุมัติให้เปิดเรือนจำชั่วคราวตามคำร้องขอของหน่วยงานความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ต้องอำนวยความสะดวกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรือนจำดังกล่าวคุมขังผู้ต้องขัง 2 คดี คือคดีระเบิดราชประสงค์ และคดีความผิดมาตรา 112

โดยทั้งหมดเป็นคดีที่อยู่ในความผิดชอบของตำรวจ ยืนยันว่าเรือนจำชั่วคราวไม่ใช่เรือนจำทหาร เป็นเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ มีระเบียบการดูแลในเรือนจำดังกล่าวเหมือนเรือนจำอื่น เปิดใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการเบิกตัวและการประสานงานต่างๆให้มีความรวดเร็วขึ้น เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนน้อย

"ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรือนจำทหารนั้น ขอชี้แจงอีกครั้งว่าเรือนจำเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับกองทัพหรือตำรวจ สำหรับข้อเสนอให้มีการเปิดเรือนจำให้สื่อเข้าไปตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่เพื่อตอบข้อสงสัยในประเด็นการคุมขังนั้น ถือเป็นแนวคิดที่ดีแต่ต้องสอบถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ถึงความเหมาะสม และระเบียบขั้นตอนว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ โดยล่าสุดได้สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้เข้มงวดกับการตรวจสอบสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ต้องขังจะได้ไม่มีข้อสงสัยเมื่อเกิดเหตุขึ้น" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว 

รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ที่มีการออกมาแสดงความเห็นถึงการเสียชีวิตภายในเรือนจำชั่วคราวผ่านสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวางว่า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและหลักการต่างๆไปแล้ว ทุกฝ่ายดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย คดีดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา112 ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากนำเรื่องมาปะติดปะต่อเองก็เหมือนการมโนไปเอง ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะกระบวนการนำเสนอข่าวก่อนที่จะมีความชัดเจน การเขียนข้อมูลในโลกออนไลน์ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หากตนพูดออกไป ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้นควรให้เกียรติกับผู้ที่ถูกพาดพิงด้วย อย่าเร่งรัดผู้ที่ทำงาน เพราะต้องสอบสวนให้ชัดเจนก่อน ตำรวจจึงแถลงได้ชัดเจน หากไม่อยากให้เกิดความสับสนทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน และต้องระวังผู้ที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์