คนร้ายไล่ยิงรถผช.ผู้พิพากษาศาลฎีกา หน้าม.เกษตรฯ
เหิมเกริม! คนร้ายไล่ยิงรถผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา หน้า ม.เกษตรฯ เจ้าตัวเผยไม่เคยขัดแย้งกับใคร
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 17 เมษายน พ.ต.ท.ปรีชา เอี่ยมพ่อค้า พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไล่ยิงรถยนต์ บริเวณหน้าประตู3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน ฝั่งขาเข้า ช่วงสะพานข้ามถนนวิภาวดี มุ่งหน้าถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงลาดยาว เขตบางเขน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์โตโยต้า รุ่นวิช ทะเบียน กง 4923 สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีนายอรุณรัตน์ ครีพิเชียร อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นคนขับรถคันดังกล่าวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ตรวจสอบกระจกด้านหลังถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงแตกเป็นรูขนาดประมาณ 5 นิ้ว คมกระสุนเจาะทะลุกระจกประตูด้านขวาแตกเป็นรูกว้างประมาณ 5 นิ้ว เช่นกัน
ในจุดเกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากรถคันที่ถูกก่อเหตุอยู่ในลักษณะกีดขวางการจราจร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรในการตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เคลื่อนย้ายรถคันดังกล่าวไปตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมกับเชิญตัวนายอรุณรัตน์ ผู้เสียหายไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่สน.บางเขน
จากการสอบถามนายอรุณรัตน์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถออกจากศาลฎีกา เพื่อเดินทางกลับบ้านซึ่งอยู่ซอยนาคนิวาส เขตลาดพร้าว โดยใช้เส้นทางขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ มาลงถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าถนนเกษตร-นวมิทร์ ระหว่างที่ขับรถลงจากสะพานยกระดับข้ามถนนวิภาวดี มาถึงช่วงบริเวณประตู 3 ม.เกษตรฯ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้กระจกด้านหลังรถแตก ขณะเดียวกันกระสุนยังทะลุมาถูกกระจกประตูหลังคนขับ แตกเป็นรู
“ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก แต่ถือว่าผมโชคดีที่กระสุนไม่โดน จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ผมยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องปาดหมางผิดใจอะไรกับใคร จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นกับผมได้อย่างไร เพราะระหว่างขับรถมาก็ยังปกติ” นายอรุณรัตน์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้สรุปสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งต้องสอบสวนผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้งก่อน โดยตั้งประเด็นไว้เกี่ยวกับเรื่องขัดแย้งส่วนตัว หรืออาจเป็นเหตุการเฉพาะหน้า อาจจะมาจากการขับรถปาดหน้ากัน
อย่างไรก็ตามในที่เกิดเหตุตรวจสอบแล้วยังไม่พบปลอกกระสุน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนชนิดใด ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสรวมทั้งวัตถุพยาน โดยเฉพาะการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในระแวกที่เกิดเหตุ รวมถึงเส้นทางก่อนและหลังเกิดเหตุด้วย เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป







