บุกทลายขบวนแซร์ลูกโซ่มูลค่ากว่าหมื่นล้าน

เจ้าหน้าที่บุกทลายขบวนการแซร์ลูกโซ่รายใหญ่มีเหยื่อนับแสน มูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้าน
พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผบก.ปคบ. นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ร่วมกันปล่อยแถวกำลังตำรวจในสังกัดบก.ปคบ บก.ปอท.เจ้าหน้าที่ปปง. และเจ้าหน้าที่สคบ.จำนวนกว่า100นาย เพื่อออกปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการแซร์ลูกโซ่ ธุรกิจขายตรง เครือข่าย บริษัทยูฟันด์ จำกัด โดยทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหา6จุด
โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่9/2ซอยรามอินทรา62แยก1ถนนรามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว ก่อนทำการจับกุม จับกุม ว่าที่ ร.ต.ฤทธิเดช วรงค์ อายุ39ปี กรรมการผู้จัดการ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จํากัด ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญาเลขที่621/2558ลงวันที่27มี.ค.58ในข้อหา“ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าว่าที่ร.ต.ฤทธิเดช เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ51ของบริษัท โดย ว่าที่ร้อยตรี ฤทธิเดช ให้การภาคเสธ ตำรวจจึงยึดและอายัดเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการโฆษณาและการทำธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สิน ไปตรวจสอบ
จุดที่สองเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเลขที่74/2558ลงวันที่9เม.ย. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่4001หมู่บ้านลาดพร้าว ซ.โยธินพัฒนา11แยก7แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นบ้านที่นายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่619/2558ลงวันที่29มี.ค.2558ได้ทำการเช่าไว้พักอาศัย โดยบ้านดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสูง2ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวนายรัฐวิชญ์ แต่อย่างใด พบเพียงน.ส.เอ เป็นผู้ดูแล เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นก่อนเข้าตรวจค้น อย่างไรก็ตามจากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบนาฬิกาแบรนด์เนมหลายรายการ อาทิ ยี่ห้อโรเล็กซ์ ปาเต๊ะ ฟิลลิป หลายรายการ รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมจำนวนมาก อาทิ กุ๊ซซี่ โคช หลุยส์วิตอง อยู่ในห้องนอนและห้องทำงานในบ้านดังกล่าว รวมทั้งพบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีดำ รุ่นไอ8ทะเบียนป้ายแดง อ-6110กทม ราคา12ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อเมอร์ซิเดส เบนซ์ สีขาว รุ่น อี300ทะเบียนป้ายแดง ค-4899กทม ราคา5ล้านบาท รวมทั้งรถยนต์ยี่ห้อออดี้และปอร์เซ่ อีกด้วยอย่างไรก็ตามในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นได้มีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เจ้าหน้าที่สามารถคุมตัวนายรัฐวิชญ์
ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ขณะจะเดินทางไปบรรยายสัมมนาธุรกิจดังกล่าว ที่โรงแรมดิอิมเพลส เชียงใหม่ และนำตัวมาสอบสวนขยายผลที่กรุงเทพมหานครซึ่งจะโดยสารมาด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่TG 103และจะถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา12.00น.
จุดที่สาม เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปที่อาคารบางนาคอมเพล็กซ์ ก่อนทำการจับกุม นายไชธร ทองหล่อเลิศ อายุ41ปี อยู่บ้านเลขที่35/73หมู่5ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญาเลขที่620/2558ลงวันที่27มี.ค.58ในข้อหา“ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นรถยนต์ ลักษณะแวน ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น เวลไฟส์ สีขาวหมายเลขทะเบียน ฎง2813กทม. จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเอกสารทางการเงิน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเงินสกุลมาเลเชียจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นได้นำกำลังไปค้นในห้องพักเลขที่39/149ชั้น11อาคารนิติบุคคลดังกล่าว เบื้องต้นพบ โฉนดที่ดิน เอกสารทะเบียนรถระบุชื่อเจ้าของรถนายไชธร ทองหล่อเลิศ จำนวน3เล่ม เอกสารทางการเงิน จำนวนหนึ่งจึงได้ทำการยึดไว้ตรวจสอบ
จากการสอบสวยนายไชธร ให้การว่า ทำงานเป็นคนขับรถให้นายแดเนียล ดาโต๊ะ ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ส่วนรถที่เป็นชื่อตนนั้นเพราะว่านายแดเนียลเป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถซื้อรถได้ ทั้งนี้จากข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่พบว่านายไชธรมีอำนาจในการสั่งเซ็นเซ็คนั้น นายไชธรให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้เซ็น เพียงแต่เป็นผู้ดำเนินธุรกรรมทางการเงินในลักษณะนอมินีเท่านั้น
ต่อมาเมื่อเวลา12.00น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผบก.ปคบ. นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ได้เดินทางไปรับตัวนายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่619/2558ลงวันที่29มี.ค.2558ในข้อหา“ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”หลังเมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ ก่อนนำตัวไปยังอาคารยูฟันด์ จำกัด เพื่อให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วงแถลงข่าวผลการจับกุมต่อไป
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม และศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงเป็นจำนวนมาก ว่าบริษัทดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายดำเนินธุรกิจเข้า ลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ จากนั้นจึงทำการสืบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ว่า บริษัทดังกล่าวมีการฉ้อโกงประชาชนจริง จนกระทั่งศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับไปแล้ว8คน เป็นชาวต่างชาติ3คน และคนไทย5คนประกอบไปด้วยนายเท คิม เลง (TAY KIM LENG) อายุ 40 ปี นายนายลี ควน มิง (LEE KUAN MING) อายุ 38 ปี นายวอน ชิง หัว (WON SING HLIA) อายุ 42 ปี ทั้งสามรายสัญชาติมาเลเซียนายอาทิตย์ ปานแก้ว อายุ 47 ปี นายอภิชณัฏฐ์ แสนกล้า อายุ 40 ปี นายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ อายุ 34 ปี นายไชธร ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี และ ว่าที่ ร.ต.ฤทธิเดช วรงค์ อายุ 39 ปี สัญชาติไทย ซึ่งบริษัทดังกล่าวให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง โดยบอกว่าสมัครแล้วจะมีความร่ำรวย และชักชวนให้สมาชิกเข้าร่วมเครือข่ายธุรกิจขายตรง และกระทำการฉ้อโกงลักษณะกู้ยืมเงิน หรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจากการตรวจสอบมีผู้เสียหายกว่า1แสนราย มูลค่าความเสียหายกว่า1หมื่นล้านบาทอย่างไรก็ตามบริษัทดังกล่าว ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของบริษัทแท้จริงแล้วคือนายอาทิตย์ ปานแก้ว อายุ47ปี แต่ได้ให้ว่าที่ร.ต.ฤทธิเดช ดำเนินการถือหุ้นไว้แทน หรือนอมินี โดยนายอาทิตย์นั้นอยู่ระหว่างการหลบหนี โดยนายอาทิตย์ได้เปิดบริษัทจำนวน2แห่ง ประกอบด้วยบริษัท ยูฟัน สโตร์ จํากัด ดำเนินธุรกิจขายตรง จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ และซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา และ บริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ดำเนินธุรกิจประเภทกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แต่ทั้งสองบริษัทมีชาวมาเลเซียเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่งมีการว่าจ้างให้นอมินีเข้าดำเนินการถือหุ้นแทน เพื่อหลีกเลี่ยงจากตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
นายอำพล ดลขาธิการ สคบ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนตั้งแต่ปี2557ประกอบกิจการธุรกิจขายตรง เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ และ ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราในโลกออนไลน์ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นการชักชวนผู้อื่นให้มาลงทุนมากกว่า เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบ ก่อนแจ้งความดำเนินคดีทางอาญา และดำเนินการทางแพ่ง ก่อนจะประสานหน่วยงานอื่นเข้าตรวจสอบ ซึ่งความผิดนั้นประกอบด้วย กระทำการไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ยื่นกับนายทะเบียน และตอนนี้ได้เพิกถอนใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว
สำหรับพฤติกรรมของขบวนการนี้จะโฆษณาชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุน ซึ่งจากการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งที่ได้รับแจ้งเบาะแสจำนวนมากผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 1166 แจ้งว่าบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ประกอบธุรกิจในลักษณะมีแนวโน้มเป็นไปในรูปแบบการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปนำเงินมาลงทุนในจำนวนสูงพอสมควร โดยการโฆษณาชักชวนวิธีการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์www.u-fun-u-token.comและwww.youtube.comรวมทั้งเวบไซต์อื่นๆ หลายเว็บไซต์ โดยข้อความที่ใช้ในการโฆษณาชักชวนอาทิเช่น ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องขายสินค้า ไม่ต้องรักษายอด ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง เป็นต้น สำหรับรูปแบบของการชักชวนให้นำเงินมาลงทุนมี 5 ระดับ หรือ 5 ตำแหน่ง คือ ระดับ 1 ดาว 500 ดอลลาร์ (USD)หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 17,500 บาท 2 ระดับ 2 ดาว 1,000 ดอลลาร์ (USD) หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 35,000 บาท3 ระดับ 3 ดาว 5,000 ดอลลาร์ (USD) หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 175,000 บาท4 ระดับ 4 ดาว 10,000 ดอลลาร์ (USD) หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 350,000 บาทและ ระดับ 5 ดาว 50,000 ดอลลาร์ (USD) หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 1,750,000 บาท
อีกแนวทางคือการชักชวนบุคคลทั่วไปให้นำเงินมาลงทุน สามารถสมัครร่วมลงทุนกับบริษัทฯ ได้สองแบบ คือ สมัครแบบที่ 1 เป็นการสมัครแบบเน้นซื้อU-TOKEN(สกุลเงินสมมติ)หรือ สมัครแบบที่ 2 เป็นการสมัครแบบเน้นซื้อสินค้า เมื่อสมัครสมาชิกตามตำแหน่ง 5 ตำแหน่งดังกล่าวข้างต้นแล้ว สมาชิกจะได้คะแนนS POINTและP POINTสำหรับใช้เป็นส่วนลดการซื้อสินค้า (S POINT) หรือสำหรับใช้แลกสินค้าฟรี (P POINT) ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนแผนการลงทุนและดำเนินธุรกิจของบริษัท ยูฟัน สโตร์ฯ พบว่าแม่ทีมหรือแกนนำ ไม่ได้มีการกล่าวถึงสินค้าตามที่บริษัทฯได้แจ้งจดทะเบียนขายตรงไว้ แล้วมุ่งเน้นในการขายสินค้าดังกล่าว เพื่อให้เกิดรายได้จากยอดขายสินค้าแต่อย่างใด อีกทั้งการบรรยายแต่ละครั้งมุ่งเน้นเฉพาะในแผนการพัฒนาการตลาดแบบขยายทีมหรือการหาสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และก็มีการพูดถึงเรื่องผลตอบแทน ที่จะได้รับในหลายๆช่องทาง เมื่อสามารถหาสมาชิกรายใหม่เพิ่มเข้ามาได้ ทำให้ผลตอบแทนที่บริษัทนำมาจ่ายให้แก่สมาชิกนั้นก็คือ เงินของสมาชิกรายใหม่ ที่นำมาจ่ายหมุนเวียนให้กับสมาชิกรายเก่านั่นเอง







