ตำรวจบุกจับแก็งยักยอกทรัพย์ ยึดรถหรู19คัน

"พล.ต.ท.ศรีวราห์"เผยบุกจับแก็งยักยอกทรัพย์ ยึดรถหรู19คัน เผยหลังศิวพร ตั้งรุ่งเรืองอยู่ ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่เต้นท์รถไม่ทราบชื่อ หลังเต้นท์แห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.เทียมร่วมมิตร แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมนกูล ผบช.น. , พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 , พ.ต.อ.กิตติพงษ์ วิเศษสงวน ผกก.สน.ห้วยขวาง , พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รองผกก.สส.สน.ห้วยขวาง , พ.ต.อ. อภิฌาน สวัสดิบุตร พนักงานสืบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ห้วยขวาง , พ.ต.ท. จิระพล ประพันธ์จันทร์ พ.ต.ท.กฤษณ์พน เพ็ชรสดศิลป์ สว.สส.สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นางสาวภูริตา มณีมาศ อายุ 25 ปี นายปิยะวัฒน์ เกตุนาค อายุ 35 ปี นายสุริยาวุธ นามพุทธา อายุ 28 ปี นายกวางเจิง แซ่เจา อายุ 20 ปี สัญชาติจีน พร้อมตรวจยึดรถของกลาง รถยนต์ยี่ห้อต่างๆ จำนวน 19 คัน กุญแจรถยี่ห้อต่างๆ จำนวนมาก เครื่องมือช่าง 2 กล่อง เงินสดจำนวน 689,900 บาท โดยสามารถจับกุมตัวได้เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 10 มี.ค.
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก นางสาวศิวพร ตั้งรุ่งเรืองอยู่ ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีนายกิตติภัฎ สมิติวิวรรณ มาเช่ารถที่เต้นท์รถของนางสาวศิวพรไปจำนวน 3 คัน เมื่อถึงกำหนดหมดสัญญาเช่าไม่มีการส่งคืน จึงตามหารถด้วยระบบติดตามรถยนต์ (GPS) และพบว่ารถอยู่ที่เต้นท์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ทำการเข้าตรวจสอบโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เมื่อมาถึงพบรถยนต์ฮอนด้า เลขทะเบียน 1กษ-4644 กทม. รถยนต์ฮอนด้า เลขทะเบียน 3กฐ-7754 รถยนต์โตโยต้า เลขทะเบียน 3กฆ - 4574 ซึ่งเป็นรถจากเต้นของนางสาวศิวพร จอดอยู่ในเต้นท์รถดังกล่าว และพบนายปิยะวัฒน์ นายสุริยาวุธ และนายกวางเจิง กำลังรื้อชิ้นส่วนรถอยู่ โดยมีนางสาวภูริตา กำลังนั่งอยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบโทรศัทพ์มือถือของนางสาวภูริตา พบว่ามีการส่งข้อความทางโปรแกรมไลน์ว่า “แกะระบบติดตามแล้ว” เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ และจากการตรวจสอบภายในเต้นท์รถดังกล่าวพบของกลางเป็นรถยนต์อีก 16 คัน ซึ่งเมื่อจับกุมได้แล้วมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเพิ่มอีก 8 ราย ซึ่งต่อจากนี้ตนจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวนายกิตติภัฎมาดำเนินคดีให้ได้ และจะสอบส่วนขยายผลต่อไป ซึ่งอาจจะผิดกฎหมายปปง. ต้องมีการยึดทรัพย์เพิ่มเติม
ด้านนายปิยะวัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเปิดอู่ซ่อมรถยนต์อยู่ที่ย่านสุทธิสาร ชื่อร้าน เดอะ บ๊อก โดยเปิดมานาน 3 ปีแล้ว ซึ่งต่อมามีลูกค้าทราบชื่อว่านายตี๋(ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) มาติดต่อให้ตรวจสอบระบบติดตามรถยนต์ให้ โดยในระยะสามเดือนก่อนหน้านี้ได้นำรถมาให้ตรวจสอบประมาณ 3 คัน คิดค่าจ้าง 1,500-2,500 บาท และภายในเดือนนี้ได้นำรถมาให้ตรวจสอบที่หลังเต้นท์แห่งนี้ อีก 13 คัน โดยตนจะได้รับค่าจ้างคันละ 1,500 บาท ตนได้ตรวจสอบพบว่ามีระบบGPS 5 -6 คัน แต่ก่อนที่นายตี๋จะมารับรถก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้นายตี๋เคยจ้างให้ไปตรวจรถให้ที่บ้านย่านลาดกระบัง สำหรับวิธีการตรวจสอบนั้นตนไม่มีอุปกรณ์พิเศษ ใดๆ แต่จะใช้วิธีการตรวจดูและรื้อระบบไฟภายในรถยนต์ จะใช้เวลาในการตรวจสอบต่อคันประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังจากที่ตรวจสอบเรียบร้อย จะแจ้งให้เจ้าของรถทราบทันทีว่า มีระบบGPSหรือไม่ หลังจากนั้นเจ้าของรถจะดำเนินการอย่างไรต่อขึ้นอยู่กับเจ้าของรถ ว่าจะให้ทำอย่างไร ตนคิดว่านายตี๋ ทำธุรกิจเกี่ยวกับเต้นท์รถ สาเหตุที่รับทำงานล่าสุด เนื่องจากว่านายตี๋อ้างกับตนว่า เมื่อนายตี๋รับซื้อรถมือสองมาแล้ว มีเจ้าของเก่ามาตามเอารถคืนจำนวน 2 คัน ทำให้ได้รับความเสียหาย ตนทำเพราะได้เงิน และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยอมรับว่าเคยรับตรวจสอบหาGPSของรถยนต์มาประมาณ 20 คัน
นางสาวภูริตา กล่าวว่า ตนคบหาดูใจกับนายตี๋มาได้ 1 ปี นายตี๋ได้วานให้ตนขับรถไปจอดตามจุดที่ตรวจGPS ซึ่งตนไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับได้ สำหรับนายตี๋ ทราบชื่อจริงคือนายกิตติภัฎ สมิติวิวรรณ อายุ 26 ปี อาชีพพนักงานส่งเอกสาร และรับติดตั้งเครื่องเสียง ซึ่งนายตี๋เคยบอกกับตนว่า กำลังจะเปิดเต้นท์รถ ตนเลยมาช่วย โดยตนทราบแต่เพียงว่า เต็นท์รถเป็นของนายการันต์ หรือเก๋ ดาวสื่อ อายุ 27 ปี เพื่อนของนายตี๋ ซึ่งกำลังจะเปิดเป็นเต้นท์รถเร็วๆ นี้
ด้านนายอินกวิน อัครพัฒน์ อายุ 44 ปี เช็คเกอร์ ของบริษัทสาธร คาร์เร้น ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับรถเช่า กล่าวว่า เมื่อประมาณช่วงปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีน.ส.ณภาภัช พันธ์เพิ่มเจริญกิจ อายุ 35 ปีและนายธราธิป พันธ์เพิ่มเจริญกิจ อายุ 42 ปี ได้มาเช่ารถยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบอร์น หมายเลยทะเบียน ฎธ 5622 กทม. ในราคาวันละ 2,500 บาท จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการเช่าอยู่ ซึ่งมีการจ่ายเงินตรงตามเวลาในทุกเดือน ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมายังบริษัทว่าพบรถคันดังกล่าว จอดอยู่ในเต้นท์ด้านหลัง ซึ่งเป็นรถ 1 ใน 19 คันที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดเอาไว้หลังจากทราบว่ารถดังกล่าวถูกขโมย จึงเดินทางมาตรวจสอบพบว่ารถจอดอยู่จริง โดยรถส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นยี่ห้อโตโยต้า และติดสัญญาณจีพีเอส แต่ที่ตนไม่เอะใจว่ารถดังกล่าวหายไป เนื่องจากทางผู้เช่ามีการชำระค่าเช่าตรงตามเวลาทุกเดือน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันยักยอกหรือรับของโจร” ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบขยายผลต่อไป ทั้งนี้บริษัทให้เช่ารถยนต์ที่สงสัยว่าอาจมีรถของตนอยู่สามารถตรวจสอบขอดูรถได้ที่สน.ห้วยขวาง







