เปิด10ประเด็นหลัก'ปัญหา-แนวทางแก้ไขจัดเลือกตั้ง'

เปิด 10 ประเด็นหลัก"ปัญหา-แนวทางแก้ไขจัดเลือกตั้ง" กกต.จ่อชงกมธ.ยกร่างรธน. 22 ม.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า สำหรับข้อเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของกกต. ต่อการควบคุมและการจัดการเลือกตั้ง เกี่ยวกับสภาพปัญหาแนวทางแก้ไขการจัดการเลือกตั้งของประเทศไทย ที่จะเสนอต่อคณะกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ 8 ของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ได้จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยมีรายละเอียดตามขั้นตอน ดังนี้
1.ก่อนมีพระราชกฤษฎีกา พบปัญหา 3 ข้อ คือ การทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในช่วงก่อน 90 วันก่อนครบอายุสภา การใช้อำนาจรัฐเพื่อทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในช่วงก่อนมีพระราชกฤษฎีกา และการโฆษณาของรัฐเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งกกต.เสนอแนวทางแก้ไข คือ ระยะเวลาห้ามทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขยายเป็น 180 วันทุกกรณี กำหนดให้โครงการของรัฐที่สุ่มเสี่ยงต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งแม้ได้รับอนุมัติก่อนมีพระราชกฤษฎีกาไม่สามารถดำเนินการได้หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาแล้ว และให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้งในการพิจารณาสั่งแก้ไขไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
2. ประกาศพระราชกฤษฎีกา พบปัญหา 3 ข้อ คือ กรณีมีปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สามารถเลื่อนวันเลือกตั้งได้ ระยะเวลาจัดการเลือกตั้งไม่เพียงพอ (สมาชิกวุฒิสภา 30 วัน) และการให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรักษาการอาจเป็นปัญหาในเรื่องความไม่เป็นธรรม และความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง โดยเสนอแนวทางแก้ไขว่า ต้องแยกพระราชกฤษฎีกายุบสภาโดยคณะรัฐมนตรีและพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพิ่มระยะเวลาเป็น 45 วันเท่ากับการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
3. ประกาศรับสมัคร พบปัญหา 2 ข้อ คือ รับสมัครเลือกตั้งไม่ได้ เช่น การชุมนุมปิดล้อม และพรรคการเมืองไม่ได้ดำเนินการ เพื่อให้ได้ตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครอย่างจริงจังและไม่มีบทลงโทษ โดยเสนอแนวทางแก้ไข ให้กำหนดวิธีการรับสมัครเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งหรือทางไปรษณีย์ หรืออินเทอร์เน็ต และยกเลิกมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และให้พรรคการเมืองตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ถูกต้องทุกราย
4. ค่าใช้จ่ายและวิธีการหาเสียง พบปัญหา 5 ข้อ คือ ผู้สมัครต้องใช้จ่ายในการหาเสียงมาก ผู้มีทุนมีความได้เปรียบ ข้อห้ามยังไม่ครอบคลุมพฤติกรรมการทุจริตเลือกตั้ง การใช้นโยบายเชิงประชานิยมในการหาเสียงก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศ พรรคการเมืองไม่มีส่วนร่วมป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง และผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเข้ามายุ่งเกี่ยวในการหาเสียงเลือกตั้ง กกต.เสนอแนวทางแก้ไข ให้จำกัดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเท่าที่จำเป็นและรัฐให้การสนับสนุนในการหาเสียงอย่างเต็มที่ กำหนดข้อห้ามให้ครอบคลุมในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา นโยบายการหาเสียงที่แสดงประโยชน์ต่อประชาชนที่เป็นตัวเงินชัดเจนไม่สามารถกระทำได้ กำหนดให้พรรคการเมืองมีหน้าที่ป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งภายในพรรค และห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเข้ายุ่งเกี่ยวกิจกรรมการเมืองทุกประเภท (ถึงจะไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง)
5. การลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า พบปัญหา 3 ข้อ คือ มีการขนคนมาใช้สิทธิ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งยังไม่ได้รับความสะดวกในการมาใช้สิทธิเท่าที่ควร และเนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การลงทะเบียนมีผลตลอดไปจนกว่าจะมีการลงทะเบียนเปลี่ยนแปลง ทำให้รายชื่อผู้ลงทะเบียนลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดไม่เป็นปัจจุบัน โดยเสนอแนวทางแก้ไข ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและให้มีหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อดำเนินคดีอย่างจริงจัง กำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 2 วัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. และให้การลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดมีผลเฉพาะการเลือกตั้งคราวนั้น
6. การลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร พบปัญหา 4 ข้อ คือ ค่าใช้จ่ายต่อหัวในการเลือกตั้งสูง ผู้มาใช้สิทธิน้อย ไม่คุ้มค่าต่อการจัดการ การควบคุมให้การลงคะแนนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรกรณีการลงคะแนนทางไปรษณีย์เป็นไปโดยลับ ไม่สามารถทำได้ (มีการถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต) และที่ผ่านมาผลคะแนนจากการลงคะแนนนอกราชอาณาจักรไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งแนวทางแก้ไข เห็นว่า กรณีที่ยังคงให้มีการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไว้ ต้องดำเนินการแก้ไขเรื่องต่างๆ ให้การลงทะเบียนมีผลเฉพาะการเลือกตั้งคราวนั้น เน้นรูปแบบการเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นรูปแบบหลัก การพัฒนารูปแบบการเลือกตั้งทางอินเทอร์เน็ตเป็นรูปแบบใหม่ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศให้มากขึ้น และให้มีการนับคะแนนที่สถานฑูตสถานกงสุล และส่งผลการนับคะแนนกลับประเทศไทย
7. การส่งมอบและเก็บรักษาวัสดุอุปกรณ์ประจำหน่วยและบัตรเลือกตั้ง พบปัญหา 2 ข้อ คือ กรณีการชุมนุมปิดล้อมสถานที่แจกวัสดุอุปกรณ์ และการจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์หลังจากได้รับการแจกจ่าย โดยแนวทางแก้ไข เห็นว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดหรือประกาศเลื่อนการเลือกตั้งเฉพาะหน่วย และให้จัดเก็บในที่สาธารณะโดยมีเวรยามเฝ้าอย่างเคร่งครัด
8. การลงคะแนน พบปัญหา 3 ข้อ คือ ยังไม่สะดวกเพียงพอ ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ไม่ได้รับความสะดวกในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และในกรณีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเป็นคนของนักการเมืองอาจทำให้เปิดโอกาสทุจริตการเลือกตั้งได้ โดยแนวทางแก้ไขเห็นว่า ขยายเวลา 08.00 – 16.00 น. (เพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง) เปิดทางเลือกในการใช้เครื่องลงคะแนนอัตโนมัติในพื้นที่ที่มีความพร้อม ให้ผลตอบแทนเพื่อจูงใจผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เช่น ลดหย่อนภาษี ฯลฯ ด้านส่วนราชการ จัดรถรับ – ส่ง หรือหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับการลงคะแนนแก่ผู้พิการและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ต้องเปิดโอกาสให้มีการร้องคัดค้านการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยในกรณีที่เห็นว่าไม่เป็นกลาง การสร้างกลไกเพื่อตรวจสอบการใช้สิทธิของประชาชนเพื่อป้องกันการใช้สิทธิซ้ำซ้อน และให้มีตัวแทนองค์กรเอกชนหรือตัวแทนพรรคการเมืองเป็นผู้สังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งอย่างจริงจัง
9. การดำเนินการกรณีเลือกตั้งไม่สุจริต พบปัญหา 3 ข้อ คือ ข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการสืบสวนสอบสวน เช่น สถานภาพของพนักงานไม่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่มีอำนาจในการตรวจค้น ไม่มีอำนาจเรียกพยาน ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนหลังเลือกตั้งจนถึงประกาศผลน้อยเกินไปจนไม่สามารถทำให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างได้ผล และกฎหมายกำหนดให้การลงมติของคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนประกาศผลการเลือกตั้งและหลังการประกาศผลการเลือกตั้งใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกัน โดยแนวทางแก้ไขเห็นว่า ต้องแก้ไขกฎหมายให้พนักงานมีสถานภาพเป็นเจ้าพนักงานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจในการตรวจค้นและเรียกพยาน มีมาตรการในการคุ้มครองพยาน ให้ใช้สำนวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นสำนวนหลักในการดำเนินคดีเลือกตั้ง และ ให้เพิ่มมาตรการเกี่ยวกับการให้เงินสินบนนำจับแก่ผู้ที่ชี้ช่องเบาะแสจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง นอกจากนี้ เห็นว่าต้องขยายระยะเวลาประกาศผลจาก 30 วัน เป็น 60 วัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการสืบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยการแต่งตั้งกองงานข่าวเชิงรุกเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงการกระทำความผิด และแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้การสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ใช้มติเสียงข้างมากทุกกรณี
10. กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน พบปัญหา 1 ข้อ คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนยังมีค่อนข้างน้อยและมีลักษณะเป็นพิธีกรรม โดยแนวทางแก้ไขเห็นว่า ต้องเปิดโอกาสให้องค์กรเอกชนที่มีความเข้มแข็งเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง สร้างมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรเอกชนกับคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิผล สร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างงานด้านสืบสวนสอบสวนกับงานด้านการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมให้มีมาตรการคุ้มครองประชาชนที่ให้การสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งวางรากฐานการสร้างพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย และการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล (ศส.ปชต.)







