ชี้แอร์เอเชียตกไต่ระดับหนีพายุแต่ไม่พ้น

ชี้แอร์เอเชียตกไต่ระดับหนีพายุแต่ไม่พ้น

ผู้เชี่ยวชาญการบินเชื่อ"นักบินแอร์เอเชีย"พยายามไต่ระดับหนีพายุแต่หนีไม่พ้น ถูกพายุตีกระหน่ำหนัก

ผู้เชี่ยวชาญการบินในกองทัพวิเคราะห์สาเหตุกรณีเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 - 200 สายการบินแอร์เอเชียประสบอุบัติเหตุตกที่ประเทศอินโดนีเซียว่า ข่าวในตอนแรกค่อนข้างสบสนโดยรายงานว่า เครื่องบินบินที่ระดับ 38,000 ฟิต และขอลดเพดานบินเหลือ 31,000 ฟิต ซึ่งตามหลักการแล้วนักบินน่าจะขอเพิ่มเพดานบินจาก 31,000 เป็น 38,000 ฟิตมากกว่า เพื่อหนีสภาพอากาศที่เลวร้าย

ผู้เชี่ยวชาญการบินคนเดิมเชื่อว่า อุบัติที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสภาพอากาศ ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนเหมือน MH - 370 โดยนักบินน่าจะขอเพิ่มเพดานบินเป็น 38,000 ฟิต เพื่อหนีสภาพอากาศที่เลวร้าย เพราะตามปกติแล้วไอน้ำ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดพายุฝนจะมีอยู่เบาบางมากตั้งแต่ระดับ 35,000 ฟุตขึ้นไป และการไปที่ระดับ 38,000 ฟุตน่าจะเป็นเพดานบินสูงสุดของเครื่องบินแล้ว

"การบินหนีสภาพอากาศต้องปรับเปลี่ยนทั้งระดับความสูง และทิศทางเพื่อหนีพายุฝน แต่การไต่เพดานบินต้องใช้เวลาพอสมควร โดยปกติแล้วจะใช้ความเร็วที่ 1,000 ฟิตต่อนาที เต็มที่ก็ราวๆ 1,500 ฟิตต่อนาที ดังนั้น การไต่เพดานบินจาก 31,000 ฟิต เป็น 38,000 ฟิต น่าจะใช้เวลาประมาณ 5 - 7 นาทีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งคาดว่าเครื่องน่าจะเจอกับสภาพอากาศเสียก่อน" นักบินคนเดิม ระบุ

ผู้เชี่ยวชาญการบินยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุใด ELT ( Emergency Locator Transmitters ) หรือ "อุปกรณ์ส่งสัญญาณฉุกเฉินเพื่อแจ้งตำแหน่งเครื่องตก" จึงไม่แจ้งพิกัดในขณะตก เนื่องจากในปัจจุบันสายการบินชั้นนำของโลกมักจะติดตั้ง ELT ไว้ที่แพนหาง และปีกเครื่องบิน เพื่อเวลาที่เครื่องบินประสบอุบัติเหตุ ELT จะได้กระเด็นออกมาจากตัวเครื่อง และสามารถส่งสัญญาณแจ้งพิกัดในขณะตกยิงขึ้นไปในดาวเทียมได้ในทันที และจะสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกรณีนี้อาจจะเกิดจากปัจจัย 2 ประการ คือ 1. ELT กระแทกพื้นแล้วเสียหายพร้อมกับตัวเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก ยกเว้นจะเกิดระเบิด หรือกระแทกแรงจริงๆ หรือ 2. ELT จมลงไปกับตัวเครื่อง โดยที่ยังไม่ทันส่งสัญญาณออกมา ซึ่งก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน เพราะการส่งสัญญาณใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

"ในกรณีนี้ผมคาดว่า เขาน่าจะไต่หนีไม่ทัน ก่อนจะเข้าไปในสภาพอากาศ แล้วถูกลมพายุตีกระหน่ำอย่างแรงจนเครื่องควงสว่านแล้วหัวปักลงอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าเครื่องไม่ควงสว่านลง นักบินมีเวลาอีกมากในการบังคับเครื่อง เพราะระดับความสูงที่ 30,000 ฟิต ถ้าคำนวณอัตราตกที่ 2,000 ฟิตต่อนาที ต้องใช้เวลาตกถึงพื้นนานถึง 15 นาที ซึ่งนักบินยังมีเวลามากพอที่จะนำเครื่องร่อนลง"

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า การค้นหาซากเครื่องบินแอร์เอเชียในครั้งนี้ไม่น่าจะยาก เพราะบริเวณดังกล่าวมีเรือประมงเป็นจำนวนมาก และน่าจะมีเรือประมงเห็นเหตุการณ์ในขณะตกลงน้ำด้วย แต่ที่ยังไม่มีรายงานในขณะนี้น่าจะเป็นเพราะเรือยังไม่กลับเข้าฝั่ง และยังไม่มีการงพื้นที่ค้นหาอย่างจริงจัง อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวมีสถานีเรดาร์อยู่อย่างหนาแน่น เพราะเป็นเส้นทางการบินตามปกติ ไม่เหมือนกรณี MH - 370 ที่คาดว่าจะบินออกจากเส้นทางการบินปกติทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยากมาก ซึ่งคาดว่า ในเร็วๆ นี้น่าจะสามารถค้นหาซากเครื่องบินเจออย่างบแน่นอน

สำหรับปัจจัยที่เกิดจาก "นักบิน" นั้น ผู้เชี่ยวชาญการบินระบุว่า ชั่วโมงบินของนักบินที่ 6,000 ชั่วโมงบินนั้นถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับนักบินพาณิชย์ทั่วไป เพราะบางครั้งไฟลท์หนึ่งถ้าบิน 20 ชั่วโมง เดือนหนึ่งก็ 200 - 300 ชั่วโมงบินแล้ว และถ้าเทียบกับนักบินในกองทัพที่ขึ้นบินครั้งละ 1 - 2 ชั่วโมงแล้ว การทำชั่วโมงบินจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร

ส่วนหลักการในการบินหนี "สภาพอากาศ" นั้น เขาให้ความรู้ว่า โดยหลักการแล้วทำได้ 3 วิธี คือ 1.ไต่หนี ซึ่งคาดว่านักบินน่าจะเลือกใช้วิธีการนี้ แต่อาจไต่ไม่ทัน เพราะอาจจะตัดสินใจช้าไป 2. บินวนเป็นวงกลม และ 3. บินกลับ ซึ่งในกรณีนี้ถ้าขึ้นบินไปได้แค่ 1 ชั่วโมงก็ยังสามารถบินกลับได้เหลือเฟือ ถ้าไม่เจอเข้ากับสภาพอากาศเสียก่อน