คุก7เดือน'ลูกน้องเสธ.แดง'มีอาวุธปืน

คุก7เดือน'ลูกน้องเสธ.แดง'มีอาวุธปืน

พิพากษาจำคุก7เดือนปรับ2,500บาท"ลูกน้อง เสธ.แดง"ครอบครองอาวุธปืนพกสั้นของผู้อื่น พกพาไม่ได้รับอนุญาต

ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3224/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ( เสียชีวิตแล้วศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ) , จ.ส.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ หรือ ธนันชัย สุวรรณราช สังกัดกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ และ ส.อ.บุญโฮม หงส์อ่อน นายสิบพยาบาล. ฉก.ทพ.44. เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 , มีและพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด และดอกไม้เพลิง ฯ พ.ศ. 2490

โดยโจทก์ยื่นฟ้องระบุว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ค.46 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสาม ร่วมกันมีเสื้อเกราะกันกระสุนซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ จำนวน 4 ตัวไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม และจำเลยที่ 1 ยังได้พกพาอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติค ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ส่วนจำเลยที่ 2 ได้พกพาอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ที่มีเครื่องหมายทะเบียนกท 4416643 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวน 13 นัด และซองกระสุนปืน 1 ซอง และจำเลยที่ 3 ได้พกพาอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก ที่มีเครื่องหมายทะเบียน กท 2706362 ของผู้อื่น พร้อมกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 22 นัด และซองกระสุนปืน 3 ซอง ติดตัวไปในเมืองทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดแขวง-เขตดินแดง กทม.

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ - จำเลยแล้ว เห็นว่า จ.ส.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ จำเลยที่ 2 รับสารภาพในข้อหามีและพกพาอาวุธปืนที่เป็นของตนเองไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนส.อ.บุญโฮม จำเลยที่ 3 รับสารภาพข้อหามีและพกพาอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่น ไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยจำเลยทั้งสองปฏิเสธ ข้อหามีเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 - 3 กระทำผิดฐานร่วมกันมีเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ในครอบครองหรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์ เบิกความว่า พล.ต.ขัตติยะ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์ และพบเสื้อเกราะกันกระสุนอยู่ภายในรถยนต์ของจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหาเสื้อเกราะให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาใช้ โดย จ.ส.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ จำเลยที่ 2 เป็นเพียงคนขับรถ และ ส.อ.บุญโฮม จำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดตาม เห็นว่า พยานโจทก์ เบิกความยืนยันเพียงว่าจำเลยที่ 2 - 3 อยู่ในรถยนต์คันเกิดเหตุ ซึ่งภายในมีเสิ้อเกราะกันกระสุนอยู่ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองนำมาใช้ เคยสวมใส่ หรือเกี่ยวข้องกับเสื้อเกราะกันกระสุนอย่างไร พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-3 กระทำผิดฐานร่วมกันมีเสิ้อเกราะกันกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงพิพากษายกฟ้องข้อหานี้

ส่วนความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่จำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพนั้น ศาลพิพากษาให้ปรับจ.ส.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ จำเลยที่ 2 ฐานมีอาวุธปืนฯ เป็นเงิน 2,000 บาท

สำหรับ ส.อ.บุญโฮม จำเลยที่ 3 ให้จำคุก 8 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 1,000 บาท รวมจำคุกส.อ.บุญโฮม จำเลยที่ 3 ทั้งสิ้น 14 เดือนและปรับ 5,000 บาท

ขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจ.ส.อ.ณัฏฐ์สิทธิ์ จำเลยที่ 2 ฐานมีอาวุธปืนฯ เป็นเงิน 1,000 บาท

ส่วนส.อ.บุญโฮม จำเลยที่ 3 คงจำคุกทั้งสิ้น 7 เดือนและปรับ 2,500 บาท แต่ จำเลยที่ 3 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยและให้ริบของกลางทั้งหมดคืนเจ้าของ