8:0เลื่อนเลือกตั้งได้

8:0เลื่อนเลือกตั้งได้

8:0เลื่อนเลือกตั้งได้ ศาลรธน.ชี้ถ้า กกต.จัดเลือกตั้งไม่ได้รัฐบาลต้องตราพ.ร.ฎ.ใหม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 8:0 สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้ หากสถานการณ์บ่งชี้อาจส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติ ยกปี 49 เทียบ ออก พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งใหม่หลังศาลวินิจฉัยการเลือกตั้ง 2 เม.ย.2549 เป็นโมฆะ แนะประธาน กกต.กับนายกฯต้องหารือร่วมกันเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ย้ำชัดนายกฯต้องพิจารณาดำเนินการตรา พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หาก กกต.แจ้งไม่สามารถจัดเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมได้

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเมื่อวานนี้ (24) ในคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 214 ที่ขอให้วินิจฉัยว่า การกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นใหม่สามารถทำได้หรือไม่ และอำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ เป็นอำนาจขององค์กรใด

มติของศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เป็นเอกสารข่าว ระบุว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า วันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น สามารถกำหนดขึ้นใหม่ได้ เนื่องจากเห็นว่าบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ไม่ได้เลย

เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นขัดขวาง ทำให้การจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนดเดิมไม่อาจดำเนินการให้บรรลุผลตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญได้ หรืออาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ความมั่นคงแห่งรัฐ หรือภัยพิบัติสาธารณะอันสำคัญ ก็สามารถกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่จากที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ตามสภาพการณ์แห่งความจำเป็น

ทั้งนี้ เหมือนกรณีเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในประเทศไทย เมื่อครั้งใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งวันเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549เป็นวันที่ 2 เม.ย.2549 ต้องถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ตาม พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป พ.ศ.2549 ที่ได้กำหนดให้มีวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่เป็นวันที่ 15 ต.ค.2549 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดให้การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 เม.ย.2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากดำเนินการไปไม่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้

เลือกตั้งใหม่"นายกฯ-ปธ.กกต."ต้องหารือ

นอกจากนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติเสียงข้างมากเห็นว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปขึ้นใหม่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธาน กกต. เนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 235 บัญญัติให้ กกต.เป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

และวรรคสองบัญญัติให้ประธาน กกต.เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 (พ.ร.บ.เลือกตั้ง) ซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบด้วย พ.ร.บ.ดังกล่าว อีกทั้ง พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 มาตรา 5 ก็บัญญัติให้ประธาน กกต.เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.ฎ.ดังกล่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้บุคคลทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้งทั่วไปให้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

ถ้า กกต.แจ้งให้เลื่อนต้องตรา พ.ร.ฎ.ใหม่

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่จากวันเลือกตั้งทั่วไปเดิมที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธาน กกต.ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย จะต้องร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะและความเสียหายร้ายแรงมิให้เกิดแก่ประเทศชาติหรือประชาชนด้วยความสุจริตและถือประโยชน์ของประเทศชาติและสันติสุขของประชาชนเป็นสำคัญ

หากมีเหตุที่จะนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติหรือประชาชนอันเนื่องมาจากการจัดการเลือกตั้งทั่วไป กกต.ก็ชอบที่จะต้องแจ้งให้กับนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตรา พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี และประธาน กกต.ในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

แจงศาล รธน.ไม่ได้สั่งรัฐบาลคุยกกต.

นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การวินิจฉัยของศาลเป็นการพิจารณาตามคำร้องว่า สามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้หรือไม่ และอำนาจเป็นขององค์กรใด ซึ่งคำวินิจฉัยนี้เป็นแนวทางในวิธีปฏิบัติและเป็นคำวินิจฉัยกว้างๆ ซึ่งสุดท้ายก็แล้วแต่ 2 องค์กรที่ปรากฏตามคำร้องจะนำคำวินิจฉัยไปปฏิบัติตามหรือไม่ ส่วนรัฐบาลจะไม่หารือกับ กกต.หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะคำวินิจฉัยไม่ได้เป็นการไปออกคำสั่ง

มีรายงานว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวานนี้ (24 ม.ค.) มีตุลาการเข้าประชุมเพียง 8 คน ขาด นายชัช ชลวร ที่ลาประชุม โดยการพิจารณาในประเด็นที่ 2 มติเสียงข้างมาก 7:1 โดยเสียงข้างน้อย 1 เสียง คือ นายนุรักษ์ มาประณีต เห็นว่าเป็นอำนาจเต็มของ กกต.ที่จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้งใหม่

อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา เชื่อว่าการพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ของนายกรัฐมตรีและประธาน กกต.ที่จะต้องมีการหารือกันนั้น น่าจะยึดแนวทางเหมือนปี 2549 โดยอาจจะต้องมีการประชุมหารือกับทุกพรรคการเมือง และวันเลือกตั้งใหม่ที่จะกำหนดขึ้นนั้นก็น่าจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 180 วันนับแต่มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2556

"สมชัย"คาด 27 ม.ค.ได้หารือนายกฯ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวภายหลังทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า คำวินิจฉัยนี้ถือเป็นทางออกที่ดี เป็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดให้กับรัฐบาลที่ไม่ใช่มองแค่การเลือกตั้งอย่างเดียวว่าจะเป็นทางออก แต่ชี้ให้เห็นว่าข้อกฎหมายสามารถเลื่อนการจัดการเลือกตั้งได้ แต่ทั้งนี้กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาในออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ คิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะระหว่างนั้นรัฐบาลก็คงต้องรักษาการอยู่

อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 3 เดือน คาดว่า กกต.น่าจะนัดหารือกับรัฐบาลและพรรคการเมืองต่างๆ ได้ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ และคาดว่าหากมีการหารือกันแล้วอาจจะมีการออก พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ในวันที่ 28 ม.ค. ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค. ก็ยังคงมีการเลือกตั้งต่อไปจนกว่าจะได้มีการหารือระหว่าง กกต.กับรัฐบาล