กองทัพชี้ศาลโลกตัดสินพระวิหารวิน-วินทั้งคู่

กองทัพชี้ศาลโลกตัดสินพระวิหารวิน-วินทั้งคู่

วงในกองทัพประเมินคำพิพากษาศาลโลกเรื่อง"พระวิหาร"วิน-วินทั้งคู่ แต่ให้จับตากองกำลังบางส่วนจับมือเขมรแดง ยั่วยุให้เกิดการปะทะ

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกองทัพวิเคราะห์กรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคดีพิพาทปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พฤศจิกายน ว่า ยังเดาทางไม่ออกว่า ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร อย่างไรก็ตาม หากเราเชื่อว่า การตัดสินสามารถล็อบบี้กันได้ ตนเชื่อว่า มหาอำนาจทุกประเทศคงไม่มีใครต้องการให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในอาเซียน

"ผมเชื่อว่า มหาอำนาจคงไม่อยากให้อาเซียนเกิดความขัดแย้งวุ่นวาย เพราะสหรัฐฯ ต้องการใช้อาเซียนคานอำนาจกับจีน ขณะที่จีน แม้จะถือหางกัมพูชา แต่ก็ไม่ต้องการให้ทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งกัน เพราะจีนต้องการสร้างทางรถไฟไปสู่เมืองท่า คือ สิงคโปร์ โดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน ส่วนญี่ปุ่นก็ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา เพราะมีโปรเจ็คท์ลงทุนในทวายอยู่ ซึ่งผมมองว่า การแต่งตั้ง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม มาจากปัจจัยเรื่องชายแดน และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะพล.อ.นิพัทธ์ เป็นอดีตเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ซึ่งมองจากปัจจัยทั้งใน และนอกประเทศจะเห็นได้ว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ดังนั้น คำพิพากษาน่าจะออกมาเป็นบวกกับทั้งสองฝ่าย แต่ผมไม่รู้ว่าจะออกมาบวกในระดับไหน" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม เขามองอีกมุมว่า หากเราไม่เชื่อว่า คำตัดสินสามารถล็อบบี้ได้ ผลการตัดสินก็อาจทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ เช่น ศาลตัดสินให้ยึดตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ของกัมพูชา ซึ่งจะถูกกลุ่มการเมืองในประเทศนำไปปลุกกระแสชาตินิยม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองได้ รัฐบาลจึงต้องเตรียมมาตรการรองรับในส่วนนี้ด้วย หรือหากคำตัดสินไม่เลวร้ายมากนักก็อาจจะมีการ "สร้างสถานการณ์" ตามแนวชายแดน โดยกลุ่มคนไทยที่มีความใกล้ชิดกับอดีตเขมรแดง ซึ่งอาจจะมีการใช้ยุทธวิธียั่วยุเพื่อให้มีการปะทะกันระหว่างทหารในกลุ่มเขมรแดง และอดีตกองกำลังฝั่งไทยบางกลุ่มทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย และกัมพูชา เพื่อสร้างสถานการณ์ และเงื่อนไขในการโค่นล้มรัฐบาล ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และอาจจะเกิดขึ้นหลังศาลโลกมีคำตัดสิน

แหล่งข่าวความมั่นคงในกองทัพคนเดิมกล่าวว่า ความจริงเรื่องการนำเอาเรื่องปราสาทพระวิหารกลับเข้าสู่ศาลโลกอีกครั้งถือเป็นการนำปัจจัยเสี่ยง และความสูญเสียให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ควรนำกลับเข้าไป เพราะที่ผ่านมาที่ยังมีคำพิพากษาคลุมเครือ ทั้งสองประเทศก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ถ้ามีคำตัดสินฟันธงลงมาชัดๆ ก็อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ หากตัดกระแสชาตินิยมออกไปก็ต้องยอมรับว่า ในเวทีโลกไทยยังเสียเปรียบกัมพูชา เพราะไทยยังมีภาพลักษณ์ของแบดบอย (เด็กเกร) อยู่ ยกตัวอย่างเช่น ตนเดินทางไปประเทศจีนก็ถูกทหารจีนถามว่า ทำไมไทยต้องไปยุ่งกับเขาพระวิหาร ทั้งที่ศาลโลกตัดสินออกมาแล้วให้เป็นของกัมพูชา ซึ่งสะท้อนว่า ประเทศส่วนใหญ่ยังเข้าใจแบบนั้น และตนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเอาเรื่องกลับเข้าสู่ศาลโลกอีก

เขากล่าวทิ้งท้ายว่า โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่า ศาลโลกจะมีการตัดสินในเรื่อง "เขตแดน" เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้น และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยได้ยินว่า ศาลโลกจะมีคำพิพากษาเรื่องเขตแดนมาก่อน ยกเว้นเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเท่านั้น