ดีเอสไออายัดรถตำรวจทางหลวง3คันโยง'สมีคำ'

ดีเอสไออายัดรถตำรวจทางหลวง3คันโยง'สมีคำ'

ดีเอสไอสอบปากคำพยานอู่และรถวอลโว่สีขาว"สมีคำ"ขับชนคนตาย สอบตำรวจทางหลวงที่6 สถานีตำรวจทางหลวงที่4 อุบลรถที่ซื้อให้3คัน

พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าสอบปากคำพยานที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งพยานรายนี้ให้ข้อมูลว่า เคยเห็นนายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ มาพักในอู่รถยนต์สองแห่ง ที่บ้านคำนางรวยและบ้านคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยแต่ละครั้งที่เดินทางมาจะมีขบวนรถตำรวจทางหลวงมาจอดอยู่ที่อู่ซ่อมรถทั้งสอง

นอกจากนี้ พยานยังระบุว่าภายในอู่รถยนต์มีรถทัวร์ที่ถูกดัดแปลงทำเป็นรถบ้าน และตู้คอนเทนเนอร์ทำเป็นที่พัก ซึ่งอดีตพระเณรคำ และพระลูกวัด รวมทั้งคนสนิท ใช้เป็นที่สำหรับดื่มสุรา เล่นการพนัน บางครั้งมีผู้หญิงมาร่วมหลับนอนด้วย และพยานยังยืนยันว่าเคยเห็นลูกศิษย์ลากรถวอลโว่ สีขาวสภาพพังยับเยิน มาซ่อมและตัดตัวถังรถยนต์ ซึ่งข้อมูลก็ตรงกับอดีตลูกศิษย์ที่ให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ว่าอดีตพระเณรคำเคยขับรถวอลโว่ สีขาวชนคนเสียชีวิต

ต่อมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เดินทางไปที่กองกำกับการทางหลวง 6 สถานีตำรวจทางหลวงที่ 4 อุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอข้อมูลจาก พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ ผู้กำกับการกองกำกับการทางหลวง 6 หลังจากดีเอสไอพบว่าอดีตพระเณรคำเคยมอบรถยนต์ 3 คันประกอบด้วยโตโยต้า แคมรี่ และรถยนต์อีซูซุ มิวเซเว่น ต่อมาพบว่ารถทั้งสามคันยังจอดอยู่กองกำกับการตำรวจทางหลวง 6 และรถยังเป็นชื่อของนายวิรพล ทางดีเอสไอจึงได้เข้าตรวจสอบและอายัดรถทั้งหมด

นอกจากนี้อดีตพระเณรคำยังได้มอบรถโมบายปฏิบัติการเคลื่อนที่ อุปกรณ์วิทยุสื่อสารให้กับ พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และเมื่อปี 2553 อดีต “เณรคำ” มอบเงิน สร้างหอประชุม 1 หลังมูลค่า 3 ล้านใช้ชื่อว่าหอประชุมฉัตติโก ให้กับ กองกำกับการ 6 สถานีตำรวจทางหลวงที่ 4 อุบลราชธานีและรับปากกับครอบครัวตำรวจทางหลวงอุบลฯว่าจะมอบเงินให้สร้างแฟลตตำรวจจำนวน 20 ล้านบาทให้ครอบครัวตำรวจทางหลวงแต่มีเรื่องอื้อฉาวเสียก่อน