ป.ป.ช.เชือด 'อดีต พ.ท.หญิง' อมเบี้ยหวัด 13 ปี 572 ครั้ง ยอด 230 ล้าน

ป.ป.ช.เชือด 'อดีต พ.ท.หญิง' อมเบี้ยหวัด 13 ปี 572 ครั้ง ยอด 230 ล้าน

ป.ป.ช.ชี้มูลผิด 'อดีตพันโทหญิง' คดีปลอมแปลงเบี้ยหวัดผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง 13 ปี 572 ครั้ง 230 ล้าน ให้ชดใช้ค่าเสียหายด้วย - คนอื่นโดนแค่โทษวินัย

KEY

POINTS

  • ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอดีต พ.ท.หญิง ดวงรัตน์ แร่ทองขาว ทุจริตเงินเบี้ยหวัดบำนาญ โดยแก้ไขหมายเลขบัญชีผู้รับเงินในระบบ e-pension เป็นของตนเองและสามี
  • การทุจริตเกิดขึ้นระหว่างปี 2555-2563 รวม 572 ครั้ง สร้างความเสียหายแก่ราชการเป็นมูลค่ากว่า 230 ล้านบาท
  • สามีของผู้กระทำผิดถูกชี้มูลฐานเป็นผู้สนับสนุน ส่วนผู้บังคับบัญชาถูกชี้มูลความผิดทางวินัยฐานไม่ควบคุมดูแลและประมาทเลินเล่อ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พันโทหญิง ดวงรัตน์ แร่ทองขาว 
หรือนางสาวธนัน อัตถทัสสีกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประจำแผนกเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ และหัวหน้าแผนกควบคุมเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ กองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บำนาญ กรมการเงินทหารบก กองทัพบก กับพวก เปลี่ยนแปลงและอนุมัติหมายเลขบัญชีผู้รับเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นที่จ่าย ในระบบ e-pension ให้เป็นเลขที่บัญชีของตนเองและบัญชีของนายธนู วิเชียรเชื้อ ระหว่างปี พ.ศ. 2555 – 2563 จำนวน 572 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 230,841,834.38 บาท นำไปหมุนเวียนใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในระหว่างปี พ.ศ. 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ขณะที่พันโทหญิง ดวงรัตน์  แร่ทองขาว ดำรงตำแหน่งประจำแผนกเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ และตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ กองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ กรมการเงินทหารบก กองทัพบก มีหน้าที่บันทึกข้อมูลของผู้ขอรับเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่น ๆ ลงในระบบ e-pension ของกรมบัญชีกลาง

ได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายจากพันโทหญิง วิมลฉวี ม้าถาวร หัวหน้าแผนกเบี้ยหวัด ให้เข้าใช้รหัสผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) ของผู้อนุมัติ อนุมัติเบิกเงินในระบบ e-pension ให้แก่ผู้มีสิทธิ ในกรณีที่พันโทหญิง วิมลฉวี  ม้าถาวร ลาหรือมีภารกิจอื่นเป็นครั้งคราว จึงทำให้ทราบรหัสผ่าน (Password) หรือสุ่มเดารหัสผ่าน (Password) ของผู้อนุมัติในระบบ e-pension แล้วกระทำการเปลี่ยนแปลงบัญชีผู้รับเงินในระบบ e-pension ให้เป็นบัญชีของตนเอง และบัญชีของนายธนู วิเชียรเชื้อ คู่สมรส รวมจำนวน 572 ครั้ง มียอดเงินที่ได้รับจากกรมบัญชีกลางนำไปหมุนเวียนใช้ประโยชน์ส่วนตน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 230,841,834.38 บาท 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

1. การกระทำของพันโทหญิง ดวงรัตน์ แร่ทองขาว มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2. การกระทำของนายธนู วิเชียรเชื้อ ซึ่งขณะเกิดเหตุรับราชการในสังกัดกรมการขนส่งทหารเรือ และกรมช่างโยธาทหารเรือ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

3. การกระทำของพันโทหญิง วิมลฉวี  ม้าถาวร จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่การที่พันโทหญิง วิมลฉวี  ม้าถาวร ไม่ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษา password จนเกิดความเสียหายต่อทางราชการ จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

สำหรับการกระทำของ พันเอก อนุสรณ์  คุ้มอักษร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ
กองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บำนาญ จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

แต่การที่พันเอก อนุสรณ์  คุ้มอักษร ไม่ตรวจสอบการปฏิบัติและไม่ควบคุมกำกับดูแล จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการ ไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ ให้แจ้งกองทัพบก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง ต่อไปด้วย