เพื่อไทยยกเครื่อง ‘เพื่อชินวัตร’ ทีมรองหัวหน้า 'กู้กระแส'

วันนี้ นัดหมาย พรรคเพื่อไทย ประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ภายหลัง แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่งผลให้ กก.บห. ชุดเก่า ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา มีการประชุม “สส.” โดยเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นว่า ใครมีความเหมาะสมจะนั่งเก้าอี้ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” เพื่อขับเคลื่อนงาน เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569

โจทย์ใหญ่ “หัวหน้าค่ายแดง” ต้องเป็นคนนอก “ตระกูลชินวัตร” เพื่อลบความผิดพลาดในอดีต ลดแรงต้านจาก “หัวขบวนอนุรักษ์” แม้จะรู้ว่า “เจ้าของตัวจริง” ยังขับเคลื่อนการเมือง แต่ต้องทำให้แรงปะทะลดลง

ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าว “ชินวัตร” ต้องการเซ้งพรรคให้ “นายทุน” หวังปฏิบัติการตีผึ้งให้แตกรัง สร้างความหวั่นไหวให้ “สส.ค่ายแดง” ย้ายพรรค-ย้ายค่าย แต่สัญญาณจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ค่อนข้างชัดเจน ทั้ง “นายใหญ่-นายหญิง” สู้ไม่ถอย 

เนื่องจากหลักประกันเดียวของ “ตระกูลชินวัตร” ที่จะสร้างแรงต่อรองทางการเมือง คือ จำนวน “สส.” ในสภาฯ ที่ต้องเก็บเกี่ยวทุกพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ตอบรับ “ดีลปีศาจ” จับมือ “ขั้วอนุรักษ์” ตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2566 ส่งผลกระทบต่อความนิยมของ “พรรคเพื่อไทย” อย่างมาก จนกระทั่งเดินมาสู่จุดเปลี่ยนจากคลิป “แพทองธาร” สนทนา “ฮุน เซน” ยิ่งทำให้คะแนนนิยมติดลบ

การลาออกจาก “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ของ “แพทองธาร” แม้จะมีข้ออ้างทางเทคนิค เพื่อปิดช่อง ไม่ให้ “ขั้วแค้น” ยื่นร้องเอาผิด หากต้องเซ็นชื่อรับรองผู้สมัคร สส. เนื่องจากเคยมีบทเรียนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้ผิดจริยธรรมร้ายแรงมาแล้ว

อีกทางหนึ่ง การ “ยกเครื่องเพื่อไทย” เพื่อปลดพันธะจาก “ชินวัตร” ที่จะถอยไปบัญชาการเกมอยู่ฉากหลัง อาจเป็นสูตรนำไปสู่ความสำเร็จ

ล่าสุด ว่าที่ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”คนใหม่ ชื่อของ “สส.หนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมช.คลัง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” อดีตหัวหน้าพรรค เต็งหนึ่งเพียงคนเดียว ชนิดไร้คู่แข่ง

ภาพลักษณ์ของ “จุลพันธ์” จัดอยู่ในกลุ่มรุ่นกลาง พอจะประสานงานแต่ละรุ่น แต่ละเจเนอเรชัน ใน“ค่ายสีแดง” เดินควบคู่ไปด้วยกันได้

ที่สำคัญเขายังเป็นที่ไว้วางใจของ “ชินวัตร” เกือบทุกสาย โดยเฉพาะ “แพทองธาร” รวมไปถึง “ยิ่งลักษณ์” อดีตนายกฯ “เจ๊แดง” เยาวภา วงสวัสดิ์ ดังนั้น เวลานี้ชื่อ “จุลพันธ์” จึงอยู่กลางใจ “ตระกูลชินวัตร”

เมื่อตระกูล “ชินวัตร” เคาะเลือก “จุลพันธ์” จึงทำให้ชื่อของ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ที่ได้แรงเชียร์จาก สส.ถูกตีตกอีกเช่นเคย แม้เพื่อไทยจะพยายามโชว์ภาพพรรคประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความเห็น แต่บทจบ ก็เข้าอีหรอบเดิม

สำหรับตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” มีแนวโน้มสูง ที่จะกลับไปใช้บริการของ “เฮียเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง มานั่งเก้าอี้นี้อีกครั้ง บทบาทของ “ประเสริฐ” อาจจะไม่โดดเด่นในทางแจ้ง แต่ในทางลับเขาเป็นตัวเชื่อมกับ “สส.อีสาน” หลายก๊ก-หลายกลุ่ม

ที่สำคัญ เขาจัดอยู่สายของ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ขุนพลคู่ใจ “ทักษิณ” ซึ่งในช่วงรัฐบาลเพื่อไทย “พงษ์ศักดิ์” ถูกลดบทบาทลงไป เนื่องจากมีปมขัดแย้งกับ “ชินวัตร”บางสาย

ส่วน สรวงศ์ เทียนทอง อดีตเลขาธิการพรรค แม้จะมีกระแสข่าวจะได้นั่งเก้าอี้ต่อเนื่อง แต่ในที่สุดต้องเปลี่ยนบทบาทไปอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เพราะ “ชินวัตร” ต้องการพ่อบ้านพรรค ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” กับ “สส.อีสาน” เพื่อรักษาขุมกำลังเอาไว้

ขณะเดียวกัน ตำแหน่ง "รองหัวหน้าพรรค" จะมีการวางยุทธศาสตร์ ให้ตอบโจทย์การเลือกตั้งในภาพใหญ่ โดยจะไม่มีการตั้งรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบพื้นที่ แบบแบ่งโซน เนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัคร จะมีการพิจารณาจาก “กก.บห.” เพื่อตัดโควตา ก๊ก - ก๊วน

โดยจะแต่งตั้งตามภารกิจ ได้แก่ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ รองหัวหน้าพรรคด้านกฎหมาย รองหัวหน้าพรรคด้านการเมือง เป็นต้น ซึ่งตำแหน่งนี้จะมีบทบาทในการเสนอนโยบาย รวมถึงบทบาทช่วยดีเบตในศึกเลือกตั้งควบคู่ไปด้วย มุ่งหวังให้ “ทีมรองหัวหน้าพรรค” ช่วยกอบกู้ความนิยม

ต้องจับตาการเคลื่อนเกมของ “ชินวัตร- บิ๊กเพื่อไทย” ผ่านกลไก “ผู้บริหารพรรค” หน้าฉาก ส่วนหลังฉาก"แพทองธาร" เตรียมฟื้น “ครอบครัวเพื่อไทย” เพื่อขับเคลื่อนการเมืองคู่ขนาน ในภารกิจสู้ “เพื่อชินวัตร”

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์