มท.1 สั่งเร่งหนุนลงทะเบียน 'คนละครึ่ง พลัส' ขยายผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือกระทรวงมหาดไทย ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง การรายงานผลการดำเนินงานสนับสนุนโครงการ"คนละครึ่งพลัส" เพื่อให้การดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้จังหวัดเร่งรัดการดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ดังนี้

1. ให้อำเภอและขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในระดับพื้นที่ตำบล/ชุมชนและเพิ่มจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทั่วถึงและครอบคลุมในทุกกลุ่มร้านค้า

2. ให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมโครงการฯ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน เช่น การจัดตลาดนัดสินค้า OTOP เป็นประจำทุกสัปดาห์ ณ ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอ เป็นต้น

3. ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มิได้มีการส่งต่อข้อมูลธุรกรรมให้กับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด

4. มอบหมายที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยงานในการรายงานผลการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์รายสัปดาห์ในทุกวันศุกร์ โดยให้รายงานครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จนถึงวันสิ้นสุดโครงการ

“อนุทิน” สั่ง มท.เร่งสนับสนุนลงทะเบียนผู้ประกอบการ “คนละครึ่ง พลัส”

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด สนับสนุนการดำเนิน โครงการคนละครึ่งพลัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ” พร้อมทั้งร่วมสนับสนุนการออกหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความความสะดวกรับลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ตำบล/ชุมชน

กระทรวงมหาดไทย จึงได้กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ได้แก่

1. มอบหมายให้อำเภอ พร้อมทั้งขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกรับลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ตำบล/ชุมชน และเพิ่มเติมจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทั่วถึง ครอบคลุมในทุกกลุ่มชนิดของร้านค้า

2. มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มเติม อาทิ ตลาดนัด OTOP ณ ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอ เพื่อเกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย อุดหนุนสินค้าคุณภาพฝีมือคนไทย ยังผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน” นายอรรษิษฐ์ กล่าว

นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับให้จังหวัดและอำเภอ เร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ เกี่ยวกับความกังวลด้านข้อมูลธุรกรรมการเงิน ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ยืนยันแล้วว่า “ไม่ได้มีการส่งต่อข้อมูลธุรกรรมให้กับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด”

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 68 มีจำนวนผู้ประกอบการ OTOP ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการตามโครงการคนละครึ่ง พลัส แล้ว 9,066 ร้านค้า โดย 5 จังหวัดแรกที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ปทุมธานี นครนายก สมุทรสงคราม และจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดและอำเภอ กำลังเร่งประสานและประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ได้สมัครเข้าร่วมเป็นผู้ประกอบการคนละครึ่ง พลัส เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่พี่น้องประชาชนคนไทยในทุกชุมชนอย่างทั่วถึง ทั้งยังได้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นถึงคุณภาพของสินค้าและบริการ OTOP ที่ทางรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องเสมอมา