ผ่าปฏิบัติการล้มสอบตึก Skyy9 ? ล่าสุดขาดทุนเพิ่ม 250 ล้าน

เงื่อนปมการเข้าลงทุนกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีอาคาร Skyy9 ของกองทุนประกันสังคม มูลค่าเฉียด 7,000 ล้านบาท ผ่านระยะเวลามากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้บทสรุป แม้ว่ากระทรวงมหาดไทยในยุค “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย (ปัจจุบันเขาเป็นนายกฯ และกลับมาเป็น รมว.มหาดไทย อีกครั้ง) จะมีบทสรุปการสืบสวนข้อเท็จจริงมาแล้ว

สรุปข้อเท็จจริงพบว่า พฤติการณ์แห่งการกระทำในกระบวนการพิจารณานำเงินกองทุนประกันสังคมเข้าลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust ได้แสดงให้เห็นถึงความรีบเร่ง ไม่มีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเหมาะสม คุ้มค่า ของการลงทุนที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน 

จำนวนเงินที่ได้ลงทุนดังกล่าวเมื่อเทียบกับผลการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของคณะทำงานประเมิน และคำนวณมูลค่าการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาคาร Skyy9 และสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกันแล้ว มีมูลค่าที่แตกต่างกันมาก

โดยชี้ให้เห็นว่า การลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust ในส่วนของการลงทุนในหุ้นของบริษัท AGRE101 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด) เจ้าของกรรมสิทธิ์ในโครงการ Cas Centre หรืออาคาร Skyy9 มีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง อันเป็นพฤติการณ์ที่มีการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังอันสมควรตามที่วิญญูชนโดยทั่วไปควรจะพึงมี และกระทำ ขาดความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติราชการ เป็นเหตุให้กองทุนประกันสังคมได้รับความเสียหาย

ในผลการสืบสวนกระทรวงมหาดไทย ได้วิเคราะห์ราคาตึก Skyy9 โดยใช้วิธีจากกระแสเงินสดคิดลด พบว่าควรมีราคาในช่วงซื้อขายประมาณ 3,400-3,800 ล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง หากเทียบราคาที่กองทุนประกันสังคม ตั้งทรัสต์ไปลงทุนซื้อบริษัทให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9 มูลค่ากว่า 6,900 ล้านบาท

แต่กระบวนการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ยังไม่จบสิ้น มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยฯ โดยกระทรวงแรงงานผ่านมาแล้วถึง 2 ชุด โดยชุดแรกเกิดขึ้นในยุค “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เป็น รมว.แรงงาน ต่อมา “ภูมิใจไทย” แยกตัวออกจากรัฐบาล ทำให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยฯ ชุดใหม่ในยุค “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็น รมว.แรงงาน แต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ขณะเดียวกันในยุคนี้ ได้มีการโยกย้าย “บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์” อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ที่เป็นเลขาธิการ สปส. ยุคที่มีการอนุมัติลงทุนซื้อตึก Skyy9 ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยคณะกรรมการฯ ชุดล่าสุดนั้น “สุเทพ แก่งสันเทียะ” ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยปมซื้อตึก Skyy9 ได้ส่งจดหมายลาออกไปแล้ว โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.แรงงาน คนใหม่ ดำเนินการสรรหาคณะกรรมการสอบวินัยฯ ชุดที่ 3 เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ ท่ามกลางการจับตาว่า อาจมีการ “เกี๊ยะเซียะ” กันระหว่าง “กลุ่มผู้มีอำนาจเดิม” เพื่อกลบปัญหาการลงทุนใน Skyy9 เอาไว้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันมีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง “เกษียณอายุ” ไปแล้ว

 

 

 

ล่าสุด “สหัสวัต คุ้มคง” สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) หนึ่งในหัวหอกที่เปิดโปงเรื่องดังกล่าว ออกมาระบุว่า อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน-อดีตเลขานุการ รมว.แรงงาน ในยุคที่เกิดปัญหาการซื้อตึก Skyy9 ขึ้น ได้เข้ามาเป็นคณะทำงานในชุด “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.แรงงาน คนปัจจุบัน ขณะเดียวกันเลขาธิการสำนักงานกองทุนประกันสังคม (สปส.) คนใหม่ในยุค “พงศ์กวิน” ถูกย้ายไปนั่ง “รองปลัดกระทรวงแรงงาน” ทำให้เริ่มเกิดความกังวลในการสอบสวนเรื่องนี้

“สหัสวัต” จึงตั้งคำถามตัวโตๆ ว่า อาจมีขบวนการล้มสอบ Skyy9 และเรื่องอื่นๆ ของประกันสังคม จากกลุ่มคนยุคซื้อ Skyy9 หรือไม่

ทำไมบังเอิญจังที่คนของรัฐมนตรีตรีนุช กับคนของอดีตรัฐมนตรีชุดที่เกิดปัญหา คือ ทีมทำงานชุดเดียวกัน และกลับมาช่วงนี้ แถมกระบวนการสอบทางวินัยเรื่อง Skyy9 ยังไม่มีความคืบหน้า จึงขอวอนให้สื่อ และประชาชนช่วยกันจับตาดูเรื่องนี้ด้วย

ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ตรวจสอบพบว่า หนึ่งในคณะทำงานของ “ตรีนุช” บางคนเคยเป็นทีมที่ปรึกษาของเธอตั้งแต่ยุค รมว.ศึกษาธิการ เมื่อปี 2564 แล้ว และบางคนมีคดีถูกไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถูกกล่าวหาเมื่อครั้งเป็นข้าราชการระดับสูงในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กรณีเกิดปัญหาในการซื้อขายสินค้าตามโครงการจัดขายหนังสือแบบเรียน 8 กลุ่มสาระ และสินค้าอื่นๆ (เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2558) อีกด้วย

นั่นจึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า คนระดับ “รัฐมนตรี” แต่งตั้งบุคคลที่ถูกกล่าวหาคดีเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งถูกร้องเรียนในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคดีมีมูลเบื้องต้นถึงขนาดมีการแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อช่วงกลางปี 2568 ที่ผ่านมา เหมาะสมหรือไม่

ตัดภาพกลับมาที่การลงทุนในอาคาร Skyy9 ของกองทุนประกันสังคม กรุงเทพธุรกิจ นำเสนอไปแล้วว่า ดำเนินการโดย “กองทุนทรัสต์” ที่อนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ตัดสินใจใช้งบเฉียด 7,000 ล้านบาทไปซื้อ “บริษัท” เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 (เดิมคืออาคาร Cas Centre) คือ บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด (เปลี่ยนชื่อจาก AGRE101 จำกัด) โดยมีบริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม เซเว่น” คือ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท โดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตี เป็นกองทุนของประกันสังคม

ข้อมูลล่าสุดจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือทรัพย์สินอาคาร Skyy9 นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2567 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 3,478,563,484 บาท หนี้สินรวม 1,923,218,828 บาท รายได้รวม 51,708,867 บาท รายจ่ายรวม 254,990,522 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 46,786,947 บาท ขาดทุนสุทธิ 250,068,602 บาท

ขณะที่ บริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด (มีกองทุนทรัสต์ของประกันสังคมถือหุ้นใหญ่) โดยบริษัทแห่งนี้คือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด เจ้าของกรรมสิทธิ์ตึก Skyy9 นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2567 มีสินทรัพย์รวม 7,045,300,007 บาท หนี้สินรวม 2,050,749,638 บาท มีรายได้รวม 46,813,172 บาท รายจ่ายรวม 3,133,383 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 45,574,557 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,894,768 บาท

ทั้งหมดคือ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบสวนเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการอนุมัติลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 มูลค่าเฉียด 7,000 ล้านบาท ซึ่งเงินทั้งหมดคือ เงินของ “ผู้ประกันตน” หลายล้านคนที่จ่ายไป เพื่อหวังให้นำเงินของพวกเขาไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร 

ส่วนบทสรุปสุดท้ายเรื่องนี้จะออกมาหน้าไหน จะมีมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ต้องติดตาม

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์