รมว.ยุติธรรม ปัดลอยตัวคดี 'เขากระโดง' รอดูคำพิพากษาหลัง รฟท.ฟ้อง

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม มอบแนวทางการปฏิบัติงานสำหรับข้าราชการกระทรวงยุติธรรม หลังจากนั้นเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า วันนี้ได้ประชุมข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมกับมอบนโยบาย 6 เรื่อง คือ เรื่องโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ โดยโครงการนี้นอกจากทำในฐานะ รมว.ยุติธรรม ก็ยังทำในฐานะที่เป็นคนไทย ส่วนนโยบายอื่น ๆ เช่น การปราบปรามพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด และนโยบายเพื่อประชาชนอื่น ๆ เป็นต้น

พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวถึงข้อครหาเรื่องคดีสืบสวน เขากระโดง และ ฮั้ว สว. ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในที่ประชุมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะเคยพูดไปแล้วในวันแรกที่เข้ารับหน้าที่ รมว.ยุติธรรม เเละเรื่องเขากระโดงก็เป็นข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับคู่กรณี ซึ่ง รฟท. จะมีการฟ้องทุกแปลงอยู่แล้ว จึงควรรอฟังคำพิพากษา แต่ตนเข้ามาที่กระทรวงไม่กี่วัน ก็ไม่เคยยุ่งในคดีนี้ ส่วนที่ผ่านมาที่มีการประกาศจะไปยึดและเพิกถอนโฉนดที่ดินต่าง ๆ พบว่าผ่านมา 2 เดือน ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ส่วนเรื่องฮั้ว สว. ก็เป็นการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่แล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ ข่าวและเรื่องของสำนวนที่ออกมาสู่สาธารณะค่อนข้างมาก ถือเป็นเรื่องผิด และตนก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะทุกสิ่งอย่างตนต้องถามการรายงานความคืบหน้าจากปลัดกระทรวงยุติธรรม

พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า การจะไปดูหรือไปแทรกแซงมันสุ่มเสี่ยงต่อการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของตน เพราะมีเวลาเพียง 4 เดือน การขับเคลื่อนงานภายในกระทรวงยุติธรรม เรามีหลายหน่วยงานในกระทรวงฯ ไม่ได้ทำเพียงแค่สองเรื่องนี้ มีงานที่ต้องทำเพื่อประชาชนอีกเยอะ ฉะนั้น เรื่องเขากระโดงก็ขอรอผลคำพิพากษาที่ รฟท. ได้ไปยื่นดำเนินการก่อน

พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีข้อครหาหรือข้อแคลงใจของสังคมก็ยังพุ่งเป้ามาที่ตนเองนั้น คงต้องดู เพราะถ้าเป็นข้อครหาสงสัย คงไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็คงต้องดูในการกระทำหลังจากนี้ไป ส่วนหน่วยงาน รฟท. ที่เคยมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับดีเอสไอ ก็ให้ดีเอสไอดำเนินการไปตามขั้นตอน พร้อมย้ำว่าในคดีสืบสวนเรื่องเขากระโดง ดีเอสไอยังไม่ได้มีการราย งานส่วนใดมาที่ตนเอง เพราะคนเพิ่งเข้ามามอบนโยบาย คงต้องดูทุกกรมให้เท่ากัน และถ้าทำได้ก็ถามย้อนกลับว่าในสมัยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมใน 2 เดือนที่ผ่านมา ท่านได้ทำหรือยัง

เมื่อถามว่าเรื่องเขากระโดงยังเป็นเพียงเรื่องสืบสวนของดีเอสไอ และ รมว.ยุติธรรม อ้างว่าต้องรอคำพิพากษาศาลภายหลังจากที่ รฟท. ไปฟ้องดำเนินคดี หมายความว่าดีเอสไอจะยังไม่รับเป็นคดีพิเศษจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษากับคู่กรณีของ รฟท. จำนวน 900 กว่าราย ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า คงต้องรอให้ทางดีเอสไอสืบพยานก่อน เพราะดีเอสไอก็มีขั้นตอนการดำเนินการของเขาอยู่ มีคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) เขาก็คงต้องดำเนินการไปว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ชงเป็นคดีพิเศษ ส่วนว่ากรอบระยะเวลาจะเลยไปถึง 4 เดือนหรือไม่ กว่าที่จะรับเป็นคดีพิเศษนั้น ก็ต้องดูการรับผิดชอบของดีเอสไอ ว่าจะประมวลเรื่องและสรุปเรื่องขึ้นมาได้ตอนไหน อย่างไร

เมื่อถามว่าเหมือนอุปสรรคของการที่จะชงเป็นคดีพิเศษ มันเหมือนเป็นการซื้อเวลาด้วยการอ้างว่าต้องสอบพยานนั้น พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ไม่ทราบเลย เพราะถ้าเข้าไปดูก็เหมือนเป็นการแทรกแซงไปดูรายละเอียด อย่างไรให้ไปถามอธิบดีดีเอสไอ

โยนถามอธิบดีดีเอสไอ ปม รฟท.ฟ้องเพิกถอนเขากระโดงรายแปลง

ซักอีกว่า รฟท. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานอาณาบาลไปฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดิน 2 เลขที่ คือ ที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เกี่ยวข้องกับตระกูลดังใน จ.บุรีรัมย์ ส่วนนี้ดีเอสไอทำเรื่องคดีอาญา แม้ยังเป็นเพียงเรื่องสืบสวน จะต้องเชิญเจ้าของโฉนดที่ดินทั้ง 2 เลขที่ มาสอบปากคำพยานด้วยหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ สำนักงานอาณาบาล เคยเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ยึดถือ ครอบครองโฉนดที่ดินเขากระโดงกับกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องสอบถามอธิบดีดีเอสไอ เพราะว่าในรายละเอียดต่าง ๆ เขาก็รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าตนลงไป ตนก็ต้องลงไปดูสำนวน มันก็กลายเป็นเข้าไปแทรกแซงเลย

เมื่อถามว่า รมว.ยุติธรรม เหมือนจะลอยตัวแล้วปล่อยให้ดีเอสไอทำหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับตน การดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ดีเอสไอก็ทำมาแล้ว มันเป็นอื่นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ได้ลอยตัวในปัญหาอยู่แล้ว

ดีเอสไอ อ้อมแอ้มรับเป็นคดีพิเศษ ยังอยู่ในกระบวนการขั้นต้น

ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ถึงการสืบสวนคดีที่ดินเขากระโดง ต้องรอศาลมีคำพิพากษาจากกรณีที่ รฟท. ไปดำเนินคดีกับคู่กรณีกว่า 900 ราย หรือไม่ เนื่องด้วยดีเอสไอยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ ว่า ในการสืบสวนก็คือการแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้น ตอนนี้ยังอยู่ในชั้นการดำเนินการเบื้องต้นเท่านั้น มีการสอบปากคำพยานไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ ขอให้ได้นำเนื้อหามาดูก่อนว่ามีเหตุ หรือมีพยานหลักฐานให้สมควรรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่อย่างไร