เปิด 4 แคนดิเดตชิง ‘เลขาฯ ป.ป.ช.’ เก้าอี้ร้อนสางคดีการเมือง

พลันที่ “สาโรจน์ พึงรำพรรณ” ตัดสินใจลาออกเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนที่ 9 โดยถือเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.คนแรกที่ลาออกจากตำแหน่ง “ออฟฟิศสนามบินน้ำ” ก็ถูกจับตาจากทั่วสารทิศว่า เกิดเหตุอะไรขึ้นในองค์กรปราบโกงอันดับ 1 ของประเทศ เนื่องจากตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช.ถือเป็น “แม่บ้าน” กำกับดูแลภารกิจ “ป้องปรามโกง” รวมถึงดูแล “หลังบ้าน” ของสำนักงานด้วย

แม้เบื้องต้นมีรายงานอ้างว่า เหตุผลในการตัดสินใจ อาจเนื่องมาจาก แรงกดดันในการทำงาน และผลงานไม่เข้าตา โดยได้คะแนนประเมินจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในระดับน้อยมาก ถึงขั้นที่อาจถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามการปรับโครงสร้างใหม่ของ ป.ป.ช. อย่างไรก็ดียังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงจากปากของ “สาโรจน์” ว่าการตัดสินใจไขก๊อกครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไร

ที่สำคัญในปัจจุบันยังมีสารพัดคดีสำคัญซึ่งมี “บิ๊กเนมการเมือง-บิ๊กข้าราชการ” ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก และหลายสำนวนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหา “อดีต ผบ.ตร. - อดีตรอง ผบ.ตร.” พัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ “อดีตรัฐมนตรี" ถูกกล่าวหาให้ “นอมินี” ถือครองหุ้น “อดีตนายกฯ” กรณีการโยกย้ายงบประมาณโดยมิชอบ “รัฐมนตรี” คดีถุงยังชีพ “อดีต สส.” ฝ่าฝืนจริยธรรมกรณีลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 เป็นต้น

ดังนั้นคดีข้างต้นจะตกมาอยู่ในมือของ “เลขาธิการ ป.ป.ช.” คนใหม่ ซึ่งถือเป็น “คนที่ 10” นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักงาน ป.ป.ช.ขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยขณะนี้มีแคนดิเดตที่อาจเสนอชื่อเพื่อลงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่อย่างน้อย 4 ราย ได้แก่

1.สุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มี “วัยวุฒิ” อาวุโสที่สุดในบรรดา 4 รองเลขาธิการส่วนกลาง เขาเคยเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2567 แต่พ่ายแพ้แก่ “สาโรจน์” ไป โดย “สุรพงษ์” ถูกแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการฯ ตั้งแต่ปี 2563 เป็น “ลูกหม้อ” ของสำนักงาน มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และมีผลงานด้านการปราบปรามการทุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำงานลักษณะ “ปิดทองหลังพระ” และมี “คนใน” คอยสนับสนุนพอสมควร ทั้งนี้ “สุรพงษ์” มีอายุราชการเหลืออีก 1 ปี โดยจะเกษียณเมื่อ ต.ค.2569

2.พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มี “คุณวุฒิ” อาวุโสที่สุด เพราะถูกแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการฯ และถูกดันเป็นรองเลขาธิการฯ นานที่สุดในบรรดา 4 รองเลขาธิการฯ ที่เหลือ โดยเขาคือ “คนสนิท” ของอดีตประธานกรรมการ ป.ป.ช.คนก่อน (พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ) เดิมทีเขาถูกผลักดันให้มานั่งเก้าอี้เลขาธิการ ป.ป.ช.ตั้งแต่รอบก่อน แต่กลเกม “รัฐตำรวจ” พ่ายแพ้ “ลูกหม้อ” ไป ดังนั้นในยุคปัจจุบันที่ “รัฐตำรวจ” ถูกล้างภาพออกจาก “สนามบินน้ำ” ไปแล้ว “พล.ต.ต.อรุณ จะยังท้าชิงเลขาธิการ ป.ป.ช.อีกหรือไม่ ต้องรอดู โดยเขายังเหลืออายุราชการอีก 3 ปี เกษียณในปี 2571

3.พ.ต.ต.ชัชนพ ผดุงกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา 

4.นิติพันธุ์ ประจวบเหมาะ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มาจากสายงานด้านคดีทุจริตระหว่างประเทศ และงานป้องกันเกี่ยวกับ “สินบน” มาก่อน จึงค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในคดีที่ซับซ้อน โดยคดีสินบนข้ามชาติหลายคดีที่ผ่านมา ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ปิดจ็อบลงได้ เป็นฝีมือของเขาไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงผลักดันมาตรการป้องกันการรับให้สินบนภาครัฐอีกด้วย

ทั้ง 4 คนคือ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่วนกลางที่อาวุโส และมีคุณสมบัติเข้าสมัครเพื่อรับการสรรหาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ ดังนั้นต้องรอดูว่าหลังจากนี้ใครจะลงสมัครเพื่อชิงเก้าอี้ “เลขาฯ คนที่ 10” เข้าไปสางสารพัดคดีร้อนทางการเมือง ที่กำลังถึงจุดไคลแมกซ์อยู่ในตอนนี้

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์