6 คดีสำคัญ ค้างชั้นไต่สวน ป.ป.ช. ชนวน ‘สาโรจน์’ ทิ้งเลขาฯ ?

6 คดีสำคัญ ค้างชั้นไต่สวน ป.ป.ช. ชนวน ‘สาโรจน์’ ทิ้งเลขาฯ ?

ปฏิบัติการไขก๊อกของ “สาโรจน์” ท่ามกลางกระแสกังขาของทั้งคนใน ป.ป.ช. และคนนอก ไม่ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจะมีสาเหตุใดอีก ย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำงานใน ป.ป.ช.

KEY

POINTS

  • นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช. ก่อนครบวาระ โดยคาดว่ามาจากแรงกดดันในการทำงาน และผลการประเมินที่ต่ำ
  • การลาออกถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผลมาจากความต้องการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องการเร่งรัดสะสางคดีสำคัญที่ยังค้างอยู่ในชั้นไต่สวน
  • คดีสำคัญที่ค้างอยู่เกี่ยวข้องกับบุคคลการเมือง และข้าราชการระดับสูงหลายราย อาทิ คดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร

กรณี “สาโรจน์ พึงรำพรรณ” ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2568 ถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. (สุชาติ ตระกูลเกษมสุข) เพื่อขอลาออกจาก “เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.” สร้างแรงสะเทือนไปทั่ว “ออฟฟิศสนามบินน้ำ” เพราะน่าจะเป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.รายแรก ที่ขอลาออกจากกลางคัน ขณะที่อายุราชการยังเหลืออยู่ 1 ปี

เรื่องนี้เริ่มมีสัญญาณ เมื่อเดือนเม.ย.2568 "สาโรจน์" สมัครเข้ารับการสรรหา เป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจเงินแผ่นดิน 

ว่ากันว่า เหตุผลในการตัดสินใจ อาจเนื่องมาจาก แรงกดดันในการทำงาน และผลงานไม่เข้าตา โดยได้คะแนนประเมินจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในระดับน้อยมาก ถึงขั้นที่อาจถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามการปรับโครงสร้างใหม่ของ ป.ป.ช.

หลังจาก "สาโรจน์" รับรู้ สถานการณ์ จึงยื่นหนังสือลาออก เพื่อเตรียมย้ายไปรับราชการในตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ใช่กรรมการ คตง.ที่เจ้าตัวสมัครไปเมื่อเดือนเม.ย.2568

ทั้งนี้ สื่อมวลชนพยายามโทรศัพท์สอบถามไปยัง “สาโรจน์” ถึงสาเหตุที่ลาออก แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ขณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องการให้สะสางสารพัดคดีใหญ่ ที่ยังค้างคาอยู่ในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริง และชั้นตรวจสอบเบื้องต้นของ ป.ป.ช. เช่น 

1.กรณีกล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวก เรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น จำนวน 18 ประเภท โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ (9 คน) เป็นองค์คณะไต่สวน

2.กรณีกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.กับพวก เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำ และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกัน และรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท ปัจจุบันมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน

3.กรณีกล่าวหา ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม และอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กรณีถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และข้อเท็จจริงเห็นว่า ศักดิ์สยามให้นอมินีถือครองหุ้นแทนใน หจก.บุรีเจริญฯ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น

4.กรณีกล่าวหา พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ คดีแจกถุงยังชีพ ปรากฏหน้า และชื่อตัวเองบนถุง โดยปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการตั้งองค์คณะไต่สวน และแจ้งข้อกล่าวหาพีระพันธ์ุแล้ว อยู่ระหว่างให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว

5.กรณีกล่าวหา 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ( ในจำนวนนี้มี 25 สส.ที่สังกัดพรรคประชาชน ในปัจจุบัน) ร่วมกันลงชื่อ และเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ร้ายแรงหรือไม่ ปัจจุบันมีการแจ้งข้อกล่าวหา 44 สส.แล้ว อยู่ในขั้นตอนเรียกมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

6.กรณีกล่าวหา แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลายคดี เช่น คดีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ “แพทองธาร” พ้นนายกฯ เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯร้ายแรง เบื้องต้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นอาจเทียบเคียงกับกรณีของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในคดีโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นเลขาฯ สมช. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ “ยิ่งลักษณ์” พ้นเก้าอี้ไปก่อน ต่อมา ป.ป.ช.สอบ และชี้มูลความผิด“ยิ่งลักษณ์” ในคดีเดียวกัน

นอกจากนี้ “แพทองธาร” ยังเผชิญคดีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวหา “รัฐบาลแพทองธาร” ส่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง รวม 2 สำนวน แบ่งเป็น กรณีกล่าวหา แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ และครม.ทั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 ดังกล่าว

กรณีกล่าวหา สส.เขต พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยบรรดา สส.และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย เช่น สาโรจน์ หงส์ชูเวช พิษณุ หัตถสงเคราะห์ จักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกฯ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ในสำนักงบประมาณ 

ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง มีพฤติการณ์ใช้สถานะ หรือตำแหน่ง กระทำการ สั่งการ บังคับ ก้าวก่าย หรือเข้าแทรกแชง ในการจัดทำงบประมาณ การอนุมัติงบ การบริหารงบ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ปี 2568 วงเงินราว 51,584 ล้านบาท ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดยทั้ง 2 สำนวนนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.

นอกจากนี้ ยังมีคดีกล่าวหา “ตั๋ว PN” หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาท แก่บุคคลในครอบครัวของ “แพทองธาร” โดยถูก “ฝ่ายค้าน” นำโดย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)กังขา และนำไปสู่การซักฟอกในสภาฯ อย่างเผ็ดร้อนว่า เข้าข่ายทำ “นิติกรรมอำพราง” หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้กว่า 218.7 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น เช่นกัน

ในขณะที่อีกทางหนึ่ง ว่ากันว่า หลัง "สาโรจน์" มีผลคะแนนประเมินต่ำ จึงเตรียมหาหนทาง โยกย้ายไปเติบโตภายนอก “สนามบินน้ำ” มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่การสมัครตำแหน่งกรรมการ คตง. และอีกทางหนึ่ง เจ้าตัวได้ทำเรื่องขอโอนย้ายไปอีกหน่วยงานหนึ่งด้วย

ปฏิบัติการไขก๊อกของ “สาโรจน์” ท่ามกลางกระแสกังขาของทั้งคนใน ป.ป.ช. และคนนอก ไม่ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจะมีสาเหตุใดอีก ย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำงานใน ป.ป.ช.ความอย่างเลี่ยงไม่ได้  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์