เอฟเฟ็กต์'ไทย-กัมพูชา' เปิดเกมดูด ‘เพื่อไทย’ ต้าน‘ชินวัตร’

ตั้งแต่ “พรรคเพื่อไทย” สูญเสียอำนาจรัฐ ให้คู่แข่ง คู่แค้น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” บรรดาแกนนำ ลูกพรรค ยังตั้งหลักกันไม่ได้ ทำให้บรรยากาศจากชื่นมื่น กลับกลายเป็นอึมครึมภายในไม่กี่วัน

ยิ่ง“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร หลบร้อนทางการเมืองไปยัง “ดูไบ” ท่ามกลางกระแสลบ คดีป่วยทิพย์เข้ารักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หรือการบังคับโทษ ที่ศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย.2568 

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า “ทักษิณ” จะบินจาก “ดูไบ” มายัง “สิงคโปร์” ในคืนวันที่ 7 ก.ย. ก่อนจะบินกลับถึงไทยในช่วงเย็นวันที่ 8 ก.ย. เพื่อเข้าฟังคำสั่งศาล

คดีของผู้นำทางจิตวิญญาณ ย่อมส่งผลให้สถานการณ์ สส.ค่ายแดงตกที่นั่งลำบาก และมองหาที่ทางใหม่ 

หลายคนโดนพลังดูดจาก“เครือข่ายสีน้ำเงิน” หลายคนเปิดดีลกับ “พรรคพวกพ้อง” และหลายคนประเมินกระแส“ขั้วแดง” หากไปต่อไม่ไหว โอกาสจะทิ้งพรรคมีสูง

วงในเพื่อไทยประเมินว่า “สส.ค่ายแดง” ในพื้นที่เสี่ยงโดนดูด ต้องโฟกัสไปที่ “ภาคอีสานตอนล่าง” ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับชายแดนไทย- กัมพูชา ต้องยอมรับว่า “ศึกแนวชายแดน” ทำให้ความนิยมของเพื่อไทยดิ่งเหว
 

เดิมพื้นที่ภาคอีสานใต้ ติดแนวชายแดนกัมพูชา ระยะหลังโดน“ขั้วน้ำเงิน” เจาะฐานเสียงในหลายพื้นที่ หลังจากนี้ยิ่งสุ่มเสี่ยงที่จะถูกรุกกินแดนมากยิ่งขึ้น

จ.อุบลราชธานี จากที่เคยเป็นอาณาจักรของ “ค่ายสีแดง” เครือข่ายค่อนข้างเข้มแข็ง แต่การเลือกตั้งปี 2566 ผ่านด่านเข้ามาเพียง 4 ที่นั่ง ที่เหลือถูกเจาะพรุน พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง พรรคไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคไทยสร้างไทย 1 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง

ที่สำคัญ “เกรียง กัลป์ตินันท์” แม่ทัพเมืองอุบลฯ ยังมีแผลใจกับ “ทักษิณ” หลังโดนปรับพ้นจากตำแหน่ง “รมช.มหาดไทย” ทำให้เกิดความไม่พอใจอยู่พอสมควร

จ.ศรีสะเกษ เป็นโจทย์ยากที่ “นายใหญ่ - เพื่อไทย”  ยากจะห้ามเลือดเอาไว้ได้ เนื่องจากภูมิใจไทยมีเครือข่ายบ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ครองเครือข่ายฐานเสียงค่อนข้างเข้มแข็ง ผลการเลือกตั้งนายกฯ อบจ. “วิชิต ไตรสรณกุล” คว้าชัย อย่างขาดลอย

แถมปฏิบัติการของ “บ้านไตรสรกุล” เดินเกมเร็ว เปิดดีลดูด “สส.ค่ายแดง” ทั้ง “ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ” และ “นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร” เข้าค่ายสีน้ำเงิน ด้วยเงื่อนไขพร้อมส่งลงเลือกตั้ง สส. รอบหน้า ทำให้ “ภูมินทร์ - นุชนาถ” ตัดสินย้ายค่าย เพราะรู้ว่ากระแสเพื่อไทยในศรีสะเกษอยู่ในแดนลบ

เดิมพื้นที่ศรีสะเกษ เครือข่ายคนเสื้อแดงเคยเข้มแข็งอย่างมาก ผลการเลือกตั้งปี 2566 ลงทุนไม่มาก แต่กวาด สส.มาได้ถึง 7 ที่นั่งจากทั้งหมด 9 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อไทยเสี่ยงหนัก ที่จะเสียเก้าอี้ สส.เพิ่ม
 

จ.สุรินทร์ เป็นจังหวัดที่ “ครูใหญ่เนวิน” หวังจะยึดให้ได้ทั้งจังหวัด การเลือกตั้งปี 2566 “ค่ายน้ำเงิน - ค่ายแดง” เบียดกันอย่างสูสี “ภูมิใจไทย” แบ่งมาได้ 4 ที่นั่ง “เพื่อไทย” ได้ไป 3 ที่นั่ง

ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวในทางลับว่า “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.สุรินทร์ เป็นหนึ่งในสส.ที่“ครูใหญ่”เปิดดีล แต่เจ้าตัวอยู่ระหว่างตัดสินใจ และโอกาสที่จะทิ้งค่ายแดงค่อนข้างสูง

ที่สำคัญ จ.สุรินทร์ เป็นสมรภูมิรบระหว่างไทย- กัมพูชา จากปมคลิปเสียงหัวหน้าพรรค อดีตนายกฯ ทำให้ฐานเสียงเพื่อไทยออกมาไม่พอใจรัฐบาลเพื่อไทยมากขึ้น

จ.นครราชสีมา การเลือกตั้งปี 2566 เพื่อไทยกวาดมาได้ถึง 12 ที่นั่ง พรรคประชาชน 3 ที่นั่ง ส่วนภูมิใจไทยแทรกมาได้เพียง 1 ที่นั่ง แม้จะประเมินกันว่าฐานเสียงเพื่อไทยในนครราชสีมาเหนียวแน่น แต่อย่าลืมว่าส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จาก“บ้านใหญ่” เครือข่ายแป้งมัน 

หากส่องลึกเข้าไป “เสี่ยแป้งมัน” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ผู้มากบารมี และเครือข่ายใน “โคราช” มีแนวคิดจะสร้างอาณาจักรของตัวเอง โดยวางยุทธศาสตร์ให้ “พรรคไทรวมพลัง” เปิดปฏิบัติการ จนชิง สส.อุบลราชธานี มาได้ 2 ที่นั่ง ดังนั้นต้องจับตา หมากการเมืองบ้านใหญ่แป้งมัน อาจทิ้งเพื่อไทยได้ไม่ยาก เพื่อสร้างอาณาจักร “เมืองโคราช” ของตัวเอง

ระหว่างที่รัฐบาลเฉพาะกิจ ภูมิใจไทย มีเวลาบริหารไม่มาก เพื่อเตรียมไปสู่การเลือกตั้ง และอาจเดินเกมดูดควบคู่กันไป จึงต้องจับตาว่านายใหญ่เพื่อไทย จะใช้วิธีใด ตรึ่ง“สส.ค่ายแดง”เอาไว้ให้ได้ เพราะหลายกลุ่มเตรียมไหลออก

ผลกระทบหนักจากคดีคลิปเสียงแพทองธาร ที่บานปลายกลายเป็นศึกชายแดน ไม่เพียงฉุดกระแสเพื่อไทย แต่มีแนวโน้มจะบานปลายไปถึงขั้นต่อต้าน “ตระกูลชินวัตร” เสียด้วยซ้ำ