ล้วงวงประชุม 4 ฉากทัศน์พรรคส้ม แยก ‘แดง-น้ำเงิน’ ลุ้น ‘ยุบสภา’

ล้วงวงประชุม 4 ฉากทัศน์พรรคส้ม แยก ‘แดง-น้ำเงิน’ ลุ้น ‘ยุบสภา’

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “บิ๊กเนมสีส้ม” มี “ธงในใจ” เอาไว้แล้ว โดยหวังผลแผ้วถางทาง ให้ “พรรคส้ม” อยู่รอดต่อไปในสารบบการเมืองไทย

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชน (ปชน.) ประชุม สส. เพื่อหาทางออกทางการเมือง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยมีจุดยืนหลักคือต้องการให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
  • มีการหารือถึง 4 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ คือ รัฐบาลเพื่อไทย, รัฐบาลภูมิใจไทย, นายกฯ รักษาการยุบสภา และการมีคณะรัฐมนตรีรักษาการต่อไป
  • พรรคแสดงความกังวลต่อการกลับมารวมตัวกันของขั้ว "แดง-น้ำเงิน" (เพื่อไทย-ภูมิใจไทย) เพราะจะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมากที่อาจอยู่ครบวาระ ซึ่งขัดต่อเป้าหมายของพรรค

ยังคงไม่ได้ข้อสรุปในการโหวตเลือก ‘นายกฯคนใหม่’ เพื่อผ่าทางตันทางการเมือง สำหรับพรรคตัวแปรสำคัญอย่าง “พรรคประชาชน” (ปชน.) ที่เริ่มประชุม สส.นัดพิเศษ ตั้งแต่บ่ายโมงวานนี้ (1 ก.ย.) ลากยาว 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น.จึงสิ้นสุดลง โดยยังไม่ได้ ‘ข้อยุติ’ เนื่องจากบรรดา สส.ที่มาประชุมกว่า 90% นั้น ยังมีไอเดียที่แตกต่างหลากหลาย

‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ โฆษกพรรค ปชน.ลงมาแถลงสรุปสาระสำคัญได้คือ 1.ยืนหยัดจุดยืนเดิมว่า สิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศคือ การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว 2.เรียกร้องให้ยุบสภาฯ ตอบโจทย์ประเทศ หากรักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาฯ ก็สอดคล้องกับจุดยืนของเรา เราก็พร้อมเลือกตั้ง และหากสมมติรักษาการนายกฯ ไม่ยุบสภา และไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง เราต้องใช้กระบวนการพิจารณาเลือกนายกฯ คนใหม่ เพื่อนำไปสู่การยุบสภาฯ และเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว

ส่วนไอเดียที่ถูกโยนลงไปในวงประชุมคือ 1.ปัจจุบันที่แดงกับน้ำเงินรวบรวมเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่ง หากแดงน้ำเงินไหลกลับไปรวมกัน เรามีความกังวล เพราะจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก มีแนวโน้มอยู่ครบวาระไปอีกเกือบ 2 ปี ขัดกับจุดยืนของ ปชน.ที่ต้องการเลือกตั้งโดยเร็ว เนื่องจากช่วงแดงน้ำเงินเป็นรัฐบาล คดีหลายอย่างถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ยืนยันว่า สิ่งที่ ปชน.ทำ เพื่อป้องกันแดงน้ำเงินกลับไปรวมกันทำประเทศเสียหาย ทั้งเชิงเลือกตั้งใหม่ช้าออกไป 2 ปี การมีนโยบายไม่ประสิทธิภาพ กระบวนการยุติธรรมไม่ตรงไปตรงมา

ล้วงวงประชุม 4 ฉากทัศน์พรรคส้ม แยก ‘แดง-น้ำเงิน’ ลุ้น ‘ยุบสภา’

2.หากแดงน้ำเงินไม่ไหลไปรวมกัน อำนาจอาจไหลไปจากนอกระบอบประชาธิปไตย ไม่ส่งผลดีต่อการเมืองไทย หากสมมติรักษาการนายกฯ ไม่ยุบสภา หาก ปชน.ไม่ทำอะไร ก็เสี่ยงว่า 2 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ไม่ส่งผลดีต่อประเทศ

แม้ “พริษฐ์” ยืนยันว่า ปชน. “ไม่ไว้วางใจ” ทั้ง “แดง-น้ำเงิน” เพราะต้องมาประเมินความเสี่ยงกันจากสาระท่าทีที่วัดด้วยหลักฐาน อันไหนเสี่ยงน้อยกว่า เราตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ความแค้นมาตัดสิน บางคนคิดว่าแค้นเพื่อไทย ตอนฉีก MOU หรือแค้นภูมิใจไทย ตอนไม่โหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่ยืนยันเราใช้เหตุผลให้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งของประชาชนโดยเร็ว 

สำหรับประเด็นที่หารือกันในวงประชุมนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศในที่ประชุม ไม่ได้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายว่า ฝ่ายหนึ่งหนุนเพื่อไทย ฝ่ายหนึ่งหนุนภูมิใจไทย หรือฝ่ายหนึ่งหนุนไม่โหวตเลือกใคร อย่างชัดแจ้ง แต่เป็นการโยนไอเดียถกเถียงกันว่า หากโหวตให้ใครหรือพรรคใด แล้วจะเกิดฉากทัศน์อย่างไรในทางการเมือง โดยการถกเถียงทั้งฉากทัศน์ดังกล่าว สส.สามารถทำได้อย่างอิสระ ไม่มีการกดดันจากกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ “บิ๊กเนมสีส้ม” แต่อย่างใด

ล้วงวงประชุม 4 ฉากทัศน์พรรคส้ม แยก ‘แดง-น้ำเงิน’ ลุ้น ‘ยุบสภา’

โดยในที่ประชุม มีการถกเถียงกันถึง 4 ฉากทัศน์การเมืองไทยในช่วงเวลานี้ แบ่งเป็น 1.พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 2.พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดย 2 ฉากทัศน์นี้ บรรดา สส. และเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่บางส่วน เชื่อว่า ทั้ง 2 พรรคไม่น่าจะทำตามเงื่อนไขสัญญาของ ปชน.ได้จริง และหาก 2 พรรคนี้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล อาจมีการรวมเสียงเพิ่มเติม จนกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และไม่จำเป็นต้องทำตามเงื่อนไขของ ปชน. จะทำให้ “พรรคส้ม” เสียหายอย่างหนักทั้งในเรื่องภาพลักษณ์และทางการเมือง 

อย่างไรก็ดีหากปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อทอดเวลานานเกินควร อาจเกิดเหตุการณ์ “ซูเปอร์ดีล” พา “แดง-น้ำเงิน” ไหลกลับมารวมกัน เรื่องนี้อาจส่งผลเสียหายอย่างมากในทางการเมือง เพราะหลายคดีจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองเล่นงานซึ่งกันและกัน และทำให้ ปชน.ต้องเผชิญกับ “นิติสงคราม” อีกครั้ง โดยเฉพาะ “คดี 44 สส.” ที่ปัจจุบันมี 25 สส.ปชน.อยู่ในจำนวนนั้นด้วย

ล้วงวงประชุม 4 ฉากทัศน์พรรคส้ม แยก ‘แดง-น้ำเงิน’ ลุ้น ‘ยุบสภา’

3.รักษาการนายกฯ ยุบสภา ฉากทัศน์นี้คือสิ่งที่ ปชน.ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ อย่างไรก็ดียังมีการถกเถียงว่า รักษาการนายกฯ จะตัดสินใจทันทีทันใดหรือไม่ หรือว่าจะทอดเวลาออกไป นอกจากนี้ยังมีเงื่อนปมข้อกฎหมายว่า การยุบสภาฯ สามารถทำได้จากรักษาการนายกฯหรือไม่ หากตัดสินใจขึ้น อาจมีผู้ไปร้องเรียนศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ตีความ อาจทำให้เรื่องล่าช้า และอาจเปิดช่องให้ “อำนาจนอกระบบ” เข้ามาแทรกแซงได้

4.ครม.รักษาการไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ข้อยุติเรื่อง “ดีล” เช่นเดียวกันฉากทัศน์นี้เป็นสิ่งที่ไม่มีฝ่ายใดต้องการ และอาจเปิดช่องให้ “อำนาจนอกระบบ” เข้ามาแทรกแซงได้อย่างรวดเร็ว เพราะ ครม.รักษาการ ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ

การถกเถียงทั้ง 4 ฉากทัศน์ดำเนินการไปจนสุดท้ายยังไม่ได้ข้อยุติ และต้องปิดการประชุมไว้ก่อน เพื่อมาประชุมกันใหม่ช่วงบ่ายวันนี้ (2 ก.ย.) อย่างไรก็ดีภายหลังการประชุมมี สส.ปชน.หลายคน สีหน้าไม่สู้ดีนัก บางคนถึงกับบ่นว่า “หนักใจอย่างมาก” เนื่องจากยังหาข้อยุติเรื่องเหล่านี้ไม่ได้

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า การประชุมที่จัดขึ้นดังกล่าว ถึงที่สุดแล้วก็จะยังไม่มีมติพรรค เพราะเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากทุก “องคาพยพ” ของพรรค ไม่ว่าจะเป็น สส. สมาชิก และเครือข่ายพรรคทั่วประเทศ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “บิ๊กเนมสีส้ม” มี “ธงในใจ” เอาไว้แล้ว โดยหวังผลแผ้วถางทาง ให้ “พรรคส้ม” อยู่รอดต่อไปในสารบบการเมืองไทย

ทั้งหมดคือบรรยากาศในที่ประชุม สส.นัดพิเศษของ ปชน.วานนี้ (1 ก.ย.) ซึ่งยังไร้บทสรุปออกมา จับตาประชุมต่อวันนี้ จะมีผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง ต้องรอดู