‘พปชร.’ จี้ ยกเลิก MOU43-44 เปลี่ยน ‘นายกฯ’ แก้ปัญหารัฐบาลอ่อนแอ

“กรกสิวัฒน์” ชี้ MOU43-44 ทำไทยเสียเปรียบกัมพูชา ขัด พระบรมราชโองการ “ร.9” เสียประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย 20ล้านล้านบาท จี้ ยกเลิกตามขั้นตอนสภาฯ ลั่น ถึงเวลาเปลี่ยนนายกฯ ที่ไม่ติดหนี้บุญคุณกัมพูชา แก้ปัญหาการเมืองอ่อนแอ
ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเป็นตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ รับหนังสือร้องเรียน ของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เรียกร้องสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ยกเลิก MOU 2543–2544 ทำประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาว่า ยืนยัน พรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับเรื่องสนับสนุนให้ยกเลิก MOU 2543–2544 เพราะทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์และเสียเปรียบ ฉะนั้น คงจะนำกลับไปประชุมกับกรรมการบริหารในพรรคพลังประชารัฐว่า ต้องดำเนินการผ่า่นทางสภา ไม่ว่าเป็นการยื่นญัตติ หรือ อาจจะเป็นเสนอตั้งกรรมาธิการ ขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปในอนาคต มีรายละเอียดสำคัญที่ต้องคุย
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าจะมีบางพรรคการเมืองอาจไม่เห็นด้วยให้ยกเลิก แต่พรรคพลังประชารัฐ มีหลักฐานเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ MOU ทั้ง 2 ฉบับ ทั้งเรื่องแผนที่เขตแดน 1:200,000 และเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่กัมพูชาขีดเส้นขึ้นมาผ่านเกาะกูดเอง ซึ่งผิดกฎหมายสากล และไม่เป็นไปตามพระบรมราชโองการ ในหลวง ร.9 ซึ่งพื้นที่ทับซ้อนใน MOU 2544 ไม่มีอยู่จริง หากประเทศไทยไปรับรู้ ก็จะเสียประโยชน์และเสียเปรียบ เพราะพื้นที่อ่าวไทยมีทรัพยากรธรรมชาติ คือ น้ำมันและแก๊สธรรมชาติ มูลค่าประมาณ 20 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย อันนี้จึงต้องรีบดำเนินการยกเลิกตามกลไกขั้นตอนของสภาต่อไป
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวถึงกรณี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญ เข้ารับการไต่สวนคดีคลิปเสียงฮุน เซน หลุดนั้น ความขัดแย้งที่มันประทุขึ้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าผู้นำและรัฐบาลมีความเกี่ยวข้อง เป็นหนี้บุญคุณทางกัมพูชาหรือไม่ เพราะตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา กัมพูชาไม่เคยมีความเกรงใจเราเลย ฉะนั้น ใครที่มีหนี้บุญคุณอะไรต่อทางกัมพูชา ควรถอยออกมาจากการเมืองเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้การตัดสินใจอะไรของรัฐบาลหลายครั้งดูเชื่องช้า ไม่ทันเหตุการณ์ ต้องให้ทหารเป็นผู้ดำเนินการไปเท่านั้น เหมือนกับฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายทหารดำเนินการไม่ค่อยสอดคล้องกัน รัฐบาลเชื่องช้า ไม่จริงจังเหมือนทหาร ดังนั้น ทางที่เป็นไปได้ที่สุดต้องปรับเปลี่ยนรัฐบาล ปรับเปลี่ยนผู้นำประเทศที่ไม่มีหนี้บุญคุณอะไรกับทางฝั่งกัมพูชาตนเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้
“กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คนอยู่แล้ว ที่ผ่านมาหลายเดือน ที่ท่านดูแลประเทศ ดูแล้วความอ่อนแอในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเอง เศรษฐกิจระหว่างประเทศเอง เป็นข้ออ่อนแอของรัฐบาลอยู่แล้ว จริงๆถ้าคำนึงถึงประเทศชาติต้องเดินหน้า ผมพูดตรงไปตรงมา ด้วยค้วยความเคารพ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรีแล้วครับ” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว







