'ภูมิธรรม' ลงพื้นที่ ตราด กำชับผู้ว่าฯ พิทักษ์พื้นที่เต็มกำลัง

'ภูมิธรรม' ลงพื้นที่ ตราด กำชับผู้ว่าฯ พิทักษ์พื้นที่เต็มกำลัง

”ภูมิธรรม“ ลงตรวจเยี่ยม “ตราด” กำชับผู้ว่าฯพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง เต็มกำลัง ย้ำการเจรจาหยุดยิง กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจให้คนไทยคลายกังวลก่อน

ที่จ.ตราด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ ศาลากลางจังหวัดตราด โดยมี นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และหน่วยงานด้านความมั่นคง ร่วมประชุม

นายภูมิธรรม ได้รับทราบรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด และที่ทำการปกครองจังหวัดตราดว่า ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์การใช้อาวุธได้แล้ว และทางกัมพูชาได้มีการถอยร่นไปยังพื้นที่ของตน โดยทั้ง 2 ฝั่งยังตรึงกำลังเพื่อป้องกันสถานการณ์ ในส่วนของการอพยพประชาชนเข้ายังศูนย์พักพิงใน 3 อำเภอ รวม 16 แห่ง ประชาชนผู้อพยพ จำนวน 4,754 คน โดยมีแผนเตรียมสถานที่เพื่อรองรับผู้อพยพไว้ได้ราว 20,000 คน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การตัดสินใจลงพื้นที่ จ.ตราดในวันนี้ (27 ก.ค.)  เพราะเป็น 1 ใน 6 จุดที่ทางกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธยิงข้ามมาในพื้นที่ และทางกองทัพได้มีการประกาศกฎอัยการศึกไปก่อนหน้านี้ จึงอยากเข้ามาตรวจสอบความพร้อมในการรับมือ หากมีสถานการณ์ที่ลุกลาม ซึ่งได้ให้นโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัดไว้ว่า ต้องรับผิดชอบในการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังปกป้องประชาชนจากการรุกรานของกัมพูชา ที่ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ 

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการพูดคุยกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ประเทศไทยยินดีหยุดยิงโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนไทยเป็นหลัก และทางกัมพูชาต้องแสดงความจริงใจต่อการถอนกำลัง และทำให้ประชาชนคนไทยสบายใจ เพราะที่ผ่านมาก็ยังมีการใช้อาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย สร้างความเสียหายกับบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล และปั๊มน้ำมัน ดังนั้น การตอบโต้ของประเทศไทย คือ การปกป้องความปลอดภัยของคนไทยเอง ประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายเข้าไปรุกรานทางกัมพูชาก่อน

'ภูมิธรรม' ลงพื้นที่ ตราด กำชับผู้ว่าฯ พิทักษ์พื้นที่เต็มกำลัง

“แนวหน้าเป็นเรื่องของทหาร แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ปกครองดูแลแนวหลังให้เต็มที่ รัฐบาลได้ขยายวงเงินทดรองจ่ายให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดที่เกิดสถานการณ์ฯ แล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการได้เต็มที่ ทั้งการดูแลเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ให้ครบ และได้ประสานทางตำรวจช่วยเข้าดูความปลอดภัยของบ้านเรือนประชาชนที่ต้องอพยพออกมา ท้ายที่สุด ต้องฝากไปยังสื่อมวลชนทุกท่าน ให้ระมัดระวังเรื่องการสื่อสารที่เป็นการเปิดเผยพื้นที่ปลอดภัย เพราะอาจมีผลต่อทางยุทธการที่กำลังดำเนินการอยู่” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าว นายภูมิธรรมมีข้อสั่งการด้วยว่า
 
1.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและสั่งการให้ทุกหน่วยราชการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่

2.ให้มหาดไทยจัดการให้นายอำเภอ กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน อส. 
ชรบ.ตรวจจราอย่างเข้มข้น เพื่อดูแลบ้านเรือน สินทรัพย์ของราษฎร ที่เป็นผู้อพยพและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะสนับสนุนยุทธการทหารเมื่อมีการร้องขอ

3.ให้มีการพิทักษ์รักษาระบบเครื่อข่ายสื่อสาร อย่างรอบครอบรัดกุม ให้สามารถติดต่อสื่อสารได้กับประชาชน .และเครือข่ายการปฎิบัติงานข งกองทัพในแนวหน้าและขอให้ทุกหน่วยดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด