ส่องแนวหน้า ทัพเขมร ‘ฮิง บุนเฮียง’ สมุนคู่ใจ ‘ฮุน เซน’

ขณะที่กองทัพบกไทย เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ใช้กำลังทั้งทางบก และอากาศ ตอบโต้กัมพูชาตั้งแต่ตอนสายวันที่ 24 ก.ค.2568

ช่วงเย็นวันเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้สื่อไทยที่รายงานว่า ตัวเขาหลบหนีออกจากกัมพูชาไปเมืองจีน

“ผมกำลังมีส่วนร่วมในการบัญชาการกองทัพ ผ่านระบบวิดีโอ และระบบอื่นๆ ร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการกองกำลังทุกระดับ เพื่อต่อสู้กับไทยผู้รุกราน ผมไม่ได้หนีไปไหน”

ฮุน เซน ในฐานะ “นายพลห้าดาว” คนแรกคนเดียวของกัมพูชา พยายามแสดงให้คนกัมพูชาเห็นว่า ตัวเขายังสั่งการแม่ทัพนายกองได้ทุกคน

ที่สำคัญ สมเด็จฮุน เซน นั่งสั่งการรบอยู่ที่กองบัญชาการหน่วยองค์รักษ์ BHQ (BodyguardHeadquarters) ที่ อ.ตาขะเมา จ.กันดาล

กองบัญชาการ BHQ อยู่ใกล้กับคฤหาสน์หลังใหม่ของฮุน เซน และคฤหาสน์หลังนี้ เคยต้อนรับทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ดังนั้น ศึกรบชายแดนรอบใหม่ให้จับตาดูบทบาทของหน่วยองค์รักษ์ BHQ ที่สถานะเทียบเท่ากองพลน้อย

จริงๆ แล้ว สัญญาณเสียงปืนนัดแรกจากฝั่งกัมพูชาเมื่อตอนเช้าวันที่ 24 ก.ค.68 นี้ เริ่มจากเพจ Army Media ของหน่วยองค์รักษ์ BHQ ได้โพสต์ภาพสมเด็จฮุน เซน พร้อมข้อความที่ว่า “ทหารกัมพูชาพร้อมปกป้องอธิปไตย”

จากนั้นไม่นาน เพจดังกล่าว ได้โพสต์ภาพ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผบ.หน่วยองครักษ์ BHQ แสดงท่าพร้อมรบ และขอให้บรรพบุรุษปกปักรักษาคุ้มครองทหารกัมพูชา

ขณะที่เพจข่าวของทีมไอโอทหารกัมพูชา ได้แชร์อินโฟกราฟิก ที่มีภาพ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี คู่กับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหม ปลุกใจนักรบกัมพูชา

การเลือกใช้ภาพฮุน มาเนต-เตีย เซ็ยฮา ย่อมสะท้อนว่า ข่าวลือความขัดแย้งของตระกูลฮุน และตระกูลเตียนั้น สร้างความหวั่นไหวในกลุ่มชนชั้นนำกัมพูชา จึงพยายามดับกระแสข่าวดังกล่าว

แม้กองทัพส่วนกลาง มีผู้นำคือ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีกลาโหม และ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบก แต่ในแนวหน้าด้าน จ.พระวิหาร และ จ.อุดรมีชัย อยู่ในการควบคุมของ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการหน่วยองค์รักษ์ BHQ และ พล.อ.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบก

พล.อ.ฮิง บุนเฮียง และ พล.อ.สรัย ดึ๊ก เป็นขุนศึกคู่ใจของสมเด็จฮุน เซน เหมือนยึดอำนาจกลาโหม มาจากทายาทสมเด็จพิชัยเสนาเตีย บัญ

ส่วน พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 ภาคทหาร 4 จ.อุดรมีชัย คุมกำลังทางฝั่งปราสาทตาเมือนตาธม

เดิมทีทหารกัมพูชา ในพื้นที่ จ.พระวิหาร และ จ.อุดรมีชัย ส่วนใหญ่เป็นทหารเขมรแดงเก่า เคยผ่านสมรภูมิสงครามมาโชกโชน แต่ศึกพระวิหารเมื่อปี 2554 ทหารเขมรแดงเหล่านี้ สูญเสียกำลังพลหลักจำนวนมาก

ประกอบกับนายพลเขมรแดงอยู่ในวัยอาวุโสที่ไม่สามารถออกรบได้อีก จึงเป็นภารกิจของนายทหารรุ่นใหม่ ที่ส่งตรงมาจากกรุงพนมเปญเป็นผู้คุมกำลังทหารเข้าโจมตีปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ในเช้าวันที่ 24 ก.ค.2568

กล่าวสำหรับหน่วยทหารองครักษ์ (BHQ-Bodyguard Headquarters) สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ได้ยกระดับมาจากกองพลน้อยที่ 70

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2561 พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการหน่วยทหารองครักษ์ BHQ ได้เปิดเผยภาพกำลังพลทหารหน่วยองครักษ์ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยจากประเทศจีน เป็นครั้งแรก

วันที่หน่วยองครักษ์ BHQ เคลื่อนกำลังออกจากกองบัญชาการ จ.กันดาล มุ่งหน้าสู่ จ.พระวิหาร เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2568 ฮิง บุนเฮียง นั่งรถยนต์ส่วนตัว Lexus LM ร่วมมากับขบวนทหารของเขา

เส้นทางของ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ฉายา “จอมโหด” เป็นสหายร่วมรบกับสมเด็จฮุน เซน ตั้งแต่ยุคเขมรแดง กระทั่งหนีตายไปเวียดนามพร้อมกัน ก่อนจะนำทัพเวียดนามมายึดกรุงพนมเปญคืนจากกลุ่มเขมรแดง 

เมื่อฮุน เซน ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ดึงตัวฮิง บุนเฮียง มาทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยอารักษานายกรัฐมนตรี และครอบครัว

สมัยที่ฮุน เซน ต้องห้ำหั่นกับคู่แข่งทางการเมืองอย่างเจ้ารณฤทธิ์ และสม รังสี บทบาทของฮิง บุนเฮียง ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดว่า เป็นมือสังหารปราบปรามฝ่ายต่อต้าน

สื่อตะวันตกที่เกาะติดข่าวการเมืองในกัมพูชาช่วงนั้น ต่างยกให้นายพลผู้นี้เป็นอาวุธลับของฮุน เซน

การสู้รบปี 2554 สมเด็จฮุน เซน ใช้ทหารเขมรแดงเก่า โดยการนำของพล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 และทหารกองพลน้อยที่ 70 ปรากฏว่า ทหารไทยได้ใช้ปืนใหญ่ถล่มจนพ่ายแพ้ยับเยิน

ดังนั้น สมเด็จฮุน เซน ต้องการล้างตา จึงใช้จอมโหด “ฮิง บุนเฮียง” คุมทัพแนวหน้า พร้อมทหารรุ่นใหม่ สู้รบกับทหารไทย พร้อมท้าทายยุทธการ 3 วันจบของกองทัพภาคที่ 2

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์