'กมธ.การเมือง สว.' จี้ กมธ.นิรโทษกรรม สภาฯ หาทางล้างโทษ ม.112

"กมธ.การเมือง วุฒิสภา" เรียกตัวแทนพรรคการเมือง สางเนื้อหา ร่างกม.นิรโทษกรรม พร้อมมีความเห็นให้หาทางล้างผิดม.112
ที่รัฐสภา นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว. ฐานะโฆษก กรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงถึงผลการพิจารณาของกมธ. เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งได้เชิญตัวแทนของพรรคการเมือง ให้ความเห็นต่อรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) ว่าด้วยการนิรโทษกรรม ที่สภาฯ ลงมติรับหลักการในวาระแรก ว่า จากการพิจารณาข้อมูลพบว่า ร่างพ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับ มีแนวทางแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก คือ มีระบุฐานความผิดที่จะได้รับนิรโทษกรรมไว้ชัดเจน เมื่อร่าง พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับ ความผิดดังกล่าวจะได้รับนิรโทษกรรมโดยอัตโนมัติ ข้อดีคือมีความรวดเร็วแต่อาจไม่ครอบคลุมและหลายฝ่ายมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะให้นิรโทษกรรมเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
นายพรชัย กล่าวต่อว่าส่วนแนวทางที่สอง คือ การไม่ระบุฐานความผิดแต่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาแต่ละคดีว่าสมควรได้รับนิรโทษกรรมหรือไม่ ข้อดีคือสามารถพิจารณาได้ครอบคลุมและเป็นกรณีไป แต่ข้อเสียคืออาจใช้เวลานานเกินไป ซึ่ง กมธ.บางท่านเห็นว่าความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม
โฆษก กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นสำคัญที่ กมธ.ตั้งคำถาม คือ การนิรโทษกรรมได้สัดส่วนกับความผิดหรือไม่ เพราะบางร่าง พ.ร.บ.ให้นิรโทษกรรมกับฐานความผิดที่เป็นคดีอาญาร้ายแรง อาทิ การก่อการร้าย การกบฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 การสะสมอาวุธตามมาตรา 114 หรือการวางเพลิง แต่กลับไม่พิจารณาให้นิรโทษกรรมมาตรา 112 ที่มีฐานความผิดแค่ 3-15 ปี และส่วนใหญ่เป็นความผิดจากไซเบอร์ อาทิ โพสต์เฟซบุ๊ก แชร์คลิปยูทูป ที่อาจติดคุกกว่า 20 ปี ซึ่งผู้ให้ข้อมูลได้ให้ความเห็นว่า หากเป็นความผิดที่มีเจตนาทางการเมืองควรได้รับอภัยโทษ และยังระบุถึงความผิดที่เกิดจากระเบิดไม่ว่าจะเป็นระเบิดปิงปองหรืออื่น ๆ ซึ่งหากเป็นการจงใจก่อความวุ่นวายคงไม่สามารถอภัยโทษได้
"กมธ. มีข้อเสนอไปยังให้ กมธ.วิสามัญของสภาฯ โดยให้คำนึงถึง 3 ประเด็นหลัก คือ การพิจารณาเนื้อหาที่ครอบคลุม มาตรา 112 แต่หากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินไปให้พิจารณามาตราอื่นที่จะช่วยให้ผู้ถูกดำเนินคดีหรือจำคุกได้รับนิรโทษกรรมอย่างเท่าเทียมครอบคลุมทุกฝ่าย รวมถึงให้ความเป็นธรรม โดยได้รับการนิรโทษกรรมที่มีสัดส่วนกับความผิดที่ทำ กรณีที่เป็นการกระทำโดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่เจตนา ควรอยู่ในขอบเขตนิรโทษกรรม" โฆษก กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าว
นายพรชัย กล่าวต่อว่าขณะที่ผู้บังคับบัญชาหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความรุนแรงเกินความจำเป็น ไม่ควรได้รับนิรโทษกรรม และควรคำนึงถึงการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาให้นิรโทษกรรมมในส่วนของคณะกรรมการ และการพิจารณาของศาลเพื่อให้ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีโดยเร็ว







