วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

สองขั้วสองค่าย "พรรเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทย" เตรียงใช้ยุทธศาสตร์พลังบ้านใหญ่ ชิงสมรภูมิเลือกตั้งปี 2569 โดยมีการจัดเกรดผู้สมัครตั้งแต่เอ-ซี

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะเป็นคู่แข่งหลักในพื้นที่บ้านใหญ่สนามเลือกตั้งปี 2569 มุ่งเน้นการแย่งชิงที่นั่ง สส.เขต เป็นสำคัญเดิมพันวัดพลังชิงนำตั้งรัฐบาล
  • พรรคภูมิใจไทยใช้ยุทธศาสตร์ดึง "บ้านใหญ่" หรือตระกูลการเมืองในพื้นที่ต่างๆ เข้าร่วมพรรค พร้อมทุ่มทรัพยากรและมีการจัดเกรดผู้สมัคร 
  • พรรคเพื่อไทยใช้กระแสความนิยมจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" ควบคู่ไปกับพลังของผู้สมัคร สส. "บ้านใหญ่" ในพื้นที่ฐานเสียงของตนเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง

โฟกัสความแข็งแกร่งในเขตพื้นที่เลือกตั้งของ 2 พรรคที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นคู่แข่งเดือด ในสนามเลือกตั้งปี 2569 คอการเมืองอาจต้องมองไปที่ “ภูมิใจไทย” และ “เพื่อไทย”

เพราะสองพรรคขั้วแดงและขั้วน้ำเงิน อยู่ตรงข้ามกันในเวลานี้ เน้นการออกอาวุธ ออกหมัด ทุ่มสรรพกำลังไปที่ตัวผู้สมัคร สส.เขต ที่มี 400 ที่นั่งให้ช่วงชิงเป็นหลัก เพราะหากได้ สส.เขต เป็นกอบเป็นกำเข้าสภาฯ ย่อมมีผลต่อคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 

หากดูจากกระแสนิยม ที่เพิ่งวัดจากการสำรวจของนิด้าโพล ในไตรมาสที่ 4/2458 ช่วงหลังยุบสภา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2568 จะพบว่า อันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภููมิใจไทย มีแต้มกระแสร้อยละ 12.32 ส่วนพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งวัดผลสำรวจนั้นยังมีเพียงแค่ชื่อของ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

ส่วนกระแสนิยมของพรรคการเมือง “นิด้าโพล”ชี้ว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.36 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 25.28 พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 11.80 พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 11.04 พรรคเพื่อไทย อันดับ 5 ร้อยละ 9.92 พรรคภูมิใจไทย

ปัจจัยของ “พรรคภูมิใจไทย” และ “พรรคเพื่อไทย” แน่นอนว่า จะถูกวิเคราะห์ว่า เป็นพรรคที่มีโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้ง หาก“พรรคประชาชน” ซึ่งอาศัยพลังกระแสปัจจัยคะแนนธรรมชาติตามหัวเมืองใหญ่และกรุงเทพฯ ไม่แลนด์สไลด์อย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้

เมื่อส่องขุมกำลังบ้านใหญ่ในแต่ละพรรค แม้พรรคประชาชน จะดึงตัวบ้านใหญ่มาร่วมอุดมการณ์ในบางจังหวัด อาทิ ตระกูลรัตนเศรษฐ ลูกชาย “วิรัช รัตนเศรษฐ” หากเทียบกับบรรดาบ้านใหญ่ของ 2 ภูมิใจไทย เพื่อไทย ก็ยังเสียเปรียบอยู่มาก

จับตาพลังบ้านใหญ่ของ “ภูมิใจไทย” กวาด "นักเลือกตั้ง" บ้านใหญ่ ลูก-หลานคนการเมืองในพื้นที่เข้าพรรคเป็นว่าเล่น 

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

ว่ากันว่า จะมีบ้านใหญ่รวมพลจากทุกสารทิศเข้าสู่ "พรรคครูใหญ่" ไม่ต่ำกว่า 80 ชีวิต ยึดโมเดล “ไทยรักไทย” ที่ “ครูใหญ่เนวิน” เคยผ่านประสบการณ์ข้างกาย “ทักษิณ ชินวัตร” ในยุครุ่งเรืองเมื่อปี 2548-2549

มีการประเมิน สส.ค่ายน้ำเงิน ตัวเลข สส. เขต จะสามารถยืนพื้นจากตัวเลขเก่าได้ ซึ่งมีอยู่ 68 ที่นั่ง ไม่ร่วงหล่น บวกการใช้สรรพกำลังทุ่มทุนดึงตัวบ้านใหญ่จากพรรคคู่แข่ง และพรรครอบข้างเข้าพรรค อาจจะทำให้ยอด สส.เขต ทะลุ 100-110 ที่นั่ง เพื่อให้สอดรับกับการวางเกมของ “ครูใหญ่” 

ส่วนจะทะยานพุ่งขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งได้หรือไม่ ต้องชิงเก้าอี้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ จากพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทยมาให้ได้มากที่สุด

สำหรับบ้านใหญ่ ทั้งผู้สมัคร อดีต สส. และ สส.ที่เพิ่งพ้นตำแหน่งจากการยุบสภาไป ว่ากันว่า “พรรคน้ำเงิน” ตัดเกรดตัวผู้สมัครไว้หลายเกรด 

“เกรดเอ” คือ สส.ปัจจุบัน และสส.ที่เพิ่งย้ายมาจากพรรคอื่น

“เกรดบี” เป็นอดีต สส.สอบตก แต่มีพลังจัดตั้งเป็นทุนใหญ่ 

ส่วน“เกรดซี”เป็น อดีตผู้สมัคร และผู้สมัครปัจจุบันที่กระแสและพลังจัดตั้งเป็นรอง เกรดเอและเกรดบี

ยุทธศาสตร์พรรคน้ำเงิน จึงต้องอาศัยทุน และบ้านใหญ่เข้าแลก ทำให้มีคนบ้านใหญ่ในหลายจังหวัดพาเหรดเข้าพรรคในช่วงที่มีการยุบสภา ไล่ตั้งแต่บ้านใหญ่คุณปลื้ม ชมกลิ่น พร้อมพัฒน์ ศิลปอาชา สะสมทรัพย์ และกลุ่มที่ซุุ้ม สส.เป็นของตัวเองอย่าง “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ที่มีเครือข่ายทั้งในกทม. และภาคใต้เป็นหลัก

แน่นอนว่าการตัดเกรดของพรรคสีน้ำเงิน ยังต้องพึ่งพาสรรพกำลังมหาศาลที่มีไม่อั้น พร้อมเป็นกองกำลังหนุนส่งให้ผู้สมัคร สส.และซุ้มบ้านใหญ่ได้ไว้ใช้ต่อกร กับกระแสพายุของพรรคประชาชน รวมถึงต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน และภาคเหนือด้วย

ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ตัวผู้สมัครจะมีตั้งแต่เกรดเอ ไปจนถึงเกรดซี และยังได้มีปัจจัยเสริมในการออกศึก เห็นได้ชัดจากสัญญาณการเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 บรรดาผู้สมัครและอดีต สส.เกรดเอ หลายคนออกอาการฮึกเหิมเป็นพิเศษ พร้อมลงพื้นที่ทันที

ว่ากันว่า ตัวผู้สมัคร ทั้งโนเนมและเกรดเอ เกรดบี ต่างได้ปัจจัยเสริมอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้น้อยกว่า หรือมากกว่า 

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

ยิ่งได้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผอ.การเลือกตั้งของพรรค นั่งแคนดิเดตนายกฯ ด้วย ก็ยิ่งทำให้ตัวอดีต สส.และผู้สมัครใหม่มีกำลังใจพร้อมชนกับพรรคน้ำเงินอย่างเต็มที่ ในเขตที่ต้องวัดกันด้วยพลังจัดตั้ง และอิทธิพลของบ้านใหญ่

ยุทธศาสตร์เพื่อไทย จะเน้นพื้นที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ และพื้นที่ผู้สมัครที่มีโอกาสได้เป็น สส.หลังจากแพ้ครั้งก่อนด้วยแต้มที่เข้าป้ายที่ 2 และบางราย ถึงแม้จะแพ้ แต่ก็ยังมีแต้มมากกว่า สส.ที่ชนะในบางเขต

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

วัดพลังบ้านใหญ่ ‘แดง-น้ำเงิน’ อาวุธหนัก-จัดเกรดผู้สมัคร

ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย บางรายยังถอดบทเรียนครั้งก่อนปี 2566 หากคิดว่าสามารถชนะศึกเลือกตั้งในเขตตนเอง ก็จะส่งสัญญาณไปยังพรรคและแม่ทัพ เพื่อเติมสรรพกำลัง ออกอาวุธหนัก เพื่อล้มฝ่ายตรงข้าม

จับตา นับจากวันที่รับสมัคร สส.เสร็จสิ้น ตลอดเดือน ม.ค.2569 สมรภูมิเลือกตั้งจะเปิดศึกดุเดือดขึ้นกว่าเดิม

พรรคเพื่อไทย จะอาศัยพลังกระแสจากตัวแคนดิเดตนายกฯ ดร.เชน ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และพลังจัดตั้งบ้านใหญ่ 

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องใช้พลังบ้านใหญ่ พลังเครือข่ายท้องถิ่นเป็นหลัก มากกว่าเพื่อไทย เพราะแคนดิเดตนายกฯ “อนุทิน” กระแสเริ่มร่วงจากเหตุน้ำท่วมใต้ ปมสู้รบไทย-กัมพูชา 

นอกจากการวัดพลังเพื่อชิง สส.เขตให้ได้มากที่สุด ทั้งขั้วแดงค่ายน้ำเงิน ยังต้องพยายามดันให้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ จากความนิยมพรรค พุ่งทะยานให้ได้มากที่สุดด้วย ไม่เช่นนั้นสมการจัดตั้งรัฐบาล อาจพลิกผัน กลายเป็นพรรคที่ต้องลุ้นเป็นฝ่ายค้านแทน