'ดร.เอ้' ขอทำการเมืองระดับประเทศ จ่อเดินสายคุย ปั้นพรรคใหม่

ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” รองหัวหน้าพรรคเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม  ก่อนจะยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ยื่นจดหมายจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองและนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนี้เป็นไปตามที่ตนแถลงการณ์ไปใน เฟสบุ๊ค ส่วนตัวชัดเจนว่า ตนอยากจะกราบขอบคุณสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณหัวหน้าพรรค ซึ่งตนได้โทรกราบเรียนไปแล้วรวมทั้งกรรมการบริหารพรรค ขอบคุณสำหรับการให้เกียรติและให้โอกาสสำหรับการมาทำงานกับพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสอันยาวนานและในคำแถลงการณ์ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งใดใดแต่มาจากอุดมการณ์และความฝันที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยจริงๆ

เพราะวันนี้อย่างที่เราเห็นประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและสถานการณ์อย่างนี้รอไม่ได้และด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาของประเทศที่เริ่มต้นจากการพัฒนาคน ด้วยการศึกษาคือความตั้งใจคืออุดมการณ์อันแน่วแน่และตัดสินใจอย่างรอบคอบว่า จากนี้เป็นต้นไปก็จะใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศและเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเรื่องของการศึกษาต่อไป

เมื่อถามว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทางพรรคยังคงเดินหน้าตัดสินใจร่วมรัฐบาลจึงทำให้การเมืองยังคงอยู่กับที่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของพรรคตนให้เกียรติหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรค

ย้ำว่าเหตุผลในการลาออกมีอุดมการณ์ชัดเจนว่า มีความฝันอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์นี้มันรอไม่ได้จริงๆ เชื่อว่าทุกท่านก็เห็นเหมือนกันว่า สถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้วิกฤตทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง ถ้าจะเปลี่ยนต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาคนด้วยการศึกษา จากนี้ตนจะเดินหน้าทำงานเรื่องนี้ตามความรู้ความสามารถที่มี

ถามย้ำว่า แต่ ณ ขณะนี้พรรคยังอยู่ร่วมรัฐบาลจะมีโอกาสมากกว่าหรือไม่ นายสุชัชวีร์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีสถานการณ์อะไรที่ดีขึ้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตนย้ำว่าคงจะรอไม่ได้คงจะต้องถึงเวลาแล้ว

เมื่อถามว่า ที่บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงนั่นคือการจะไปตั้งพรรคใหม่ ที่ใช้ชื่อ"พรรคไทยก้าวใหม่" ใช่หรือไม่นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังคุยกับผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเชื่อว่า มีคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกับตนเยอะอุดมการณ์ที่อยากเห็นประเทศไทยดีกว่านี้และเห็นว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ก็จะต้องเดินทางคุยกับทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน รักชาติและอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยเริ่มต้นด้วยการศึกษา สัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อดึงความร่วมมือจากทั้งภายในและต่างประเทศก็จะเริ่มต้นด้วยการเยืยนประเทศสหรัฐอเมริกา

ส่วนที่มีข่าวว่าตนจะไปร่วมตั้งพรรคกับ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช อดีตรมช.ศึกษาธิการนั้น คุณหญิงกัลยาเป็นหนึ่งในปูชนียบุคคลทางด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและคงจะมีหลายหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีพลังความรู้และสิ่งที่สำคัญคือการอยากเห็นประเทศไทยดีขึ้นและมีความกล้าหาญ วันนี้จึงอยากจะเชิญชวนทุกท่านออกมาทำงานการเมืองร่วมกัน

ขณะนี้กำลังพูดคุยกันอยู่อยากให้ติดตามอยากให้ ทุกคนที่รักชาติและมีอุดมการณ์เหมือนกัน ก็จะเดินทางไปพูดคุยด้วยส่วนการเปิดตัวพรรคใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุย คงต้องรออีกสักพัก

เมื่อถามว่ามองอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ที่นายกรัฐมนตรีไปรักษาการเป็นรมว.วัฒนธรรม นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนเป็นกำลังใจให้และอยากให้ครม.ชุดใหม่วางทิศทางของประเทศไทยมิเช่นนั้นทั้งคนไทยและต่างชาติจะสูญเสียความมั่นใจกับประเทศไทยไปมากขอเป็นกำลังใจให้

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ยังต้องคงต้องให้โอกาสทำงาน 

ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ายอมรับว่า ขอบคุณทุกคนที่ยังสนับสนุน จริงๆแล้วกทม. เป็นเรื่องสำคัญเป็นงานที่ตนรัก เพียงแต่ว่าวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่ทุกคนต้องช่วยกันโดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งเชื่อมโยงกับการศึกษาคนไทยไม่สามารถแข่งขันได้จริงๆตนความสนใจเกี่ยวกับภาพรวมถ้าการศึกษาเปลี่ยนไม่ได้ อย่าหวังว่า ประเทศไทยจะมีอนาคต

วันนี้เรื่องของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดซึ่งตนก็โฟกัสในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศมากกว่า 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคใหม่ที่จะตั้งขึ้น เบื้องต้นอาจใช้ชื่อว่า“พรรคไทยก้าวใหม่”นโยบายด้านการศึกษา นวัตกรรม และสวัสดิการสำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์กระแสการเมืองที่ต้องการพรรคการเมืองตัวเลือกใหม่

โดยนอกเหนือจาก นายสุชัชวีร์ คุณหญิงกัลยา ยังมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อาทิ นายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจย้ายไปร่วมงานพรรคใหม่เช่นเดียวกัน 

ขณะเดียวกันอีกหนึ่งเหตุผลในการตัดสินใจลาออกของนายสุชัชวีร์ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่พรรคมีมติร่วมรัฐบาลต่อ ซึ่งวันดังกล่าวนายสุชัชวีร์ได้วอร์คเอ้าออกจากห้องประชุม