‘อนุรักษนิยม’ ปลุกผี ‘ทักษิณ’ บ่วง ‘ชั้น 14’ จุดตายรัฐบาล ?

การไลฟ์สดของ “อังเคิลฮุน” ปลุกเร้าจากบรรดา “ม็อบอนุรักษนิยม” หน้าเดิม ๆ จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยกระตุ้น โหมเชื้อไฟ “คดีชั้น 14” ให้ร้อนแรงผลาญ “รัฐบาลแพทองธาร” ให้ล่มสลาย
ปี่กลองม็อบกำลังโหมรัวหนักในช่วงเวลานี้ พลันที่ “อนุรักษนิยม” ลั่นกลองรบ ประกาศแตกหัก “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” หลังปรากฏคลิปเสียงฉาวสนทนากับ “ฮุน เซน” เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสร้างความร้าวฉานมาจนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากการปลุกเร้าสไตล์ “ชาตินิยม” แล้ว ยังเน้นย้ำสารพัดบ่วงคดีของ “ตระกูลชินวัตร” ด้วย
ในระหว่างบรรทัดที่ “แกนนำ” กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย ขึ้นประกาศปาว ๆ ขับไล่ “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้นายกฯ พร้อมจี้ “พรรคร่วมรัฐบาล” ถอนตัว หวังสร้าง “สุญญากาศทางการเมือง” ครั้งใหม่นั้น มีข้อเรียกร้องหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ “คดีชั้น 14” ซึ่งตาม “ปฏิทินการเมือง” จะเริ่มเข้าสู่จุดไคลแม็กซ์ในช่วงเดือน ก.ค.นี้
การปราศรัยของแกนนำม็อบเมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีอย่างน้อย 3 คน คือ “สมชาย แสวงการ” อดีต สว. “วรงค์ เดชกิจวิกรม” อดีต สส. ฉายา “มือปราบจำนำข้าว” และ “แก้วสรร อติโพธิ” นักวิชาการ อดีต คตส. กล่าวถึง “คดีชั้น 14” โดยเรียกร้องให้ “องค์กรอิสระ-ศาลฎีกา” ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว อย่างตรงไปตรงมา
โดยเฉพาะ “แก้วสรร” ที่ถึงกับปลุกใจมวลชน เรียกร้องให้บรรดา “เพื่อนพ้องน้องพี่ “ยัน “ลูกศิษย์ลูกหา” ซึ่งทำงานในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา รีบสางปม “ชั้น 14” โดยด่วน เพราะพยานหลักฐานต่าง ๆ ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
สอดรับจากการไลฟ์สดแถลงของ “อังเคิลฮุน” เมื่อ 27 มิ.ย. ตอนหนึ่งกล่าวอ้างว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตสหายรัก อดีตนายกฯของไทยนั้น มีลักษณะ “ป่วยทิพย์”
โดยเล่าว่า ทักษิณ ชินวัตร แกล้งทำตัวเหมือนมีอาการหนาวสั่น หนาวสะท้าน หนาวแทรกเตอร์ หนาวรถ หนาวกินข้าวได้ หนาวแสดง เพื่อหลบเลี่ยงกระบวนการของศาลในหลายคดี โดยตอนที่ไปเยี่ยมอาการป่วยของทักษิณ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2024 นั้น ทักษิณไม่ได้มีอาการป่วยใด ๆ เลย แต่พอถ่ายภาพร่วมกับตนเอง กลับสวมใส่อุปกรณ์ของผู้ป่วยเพื่อหลอกลวงประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย
“ตอนที่ไปเยี่ยมนั้น ไม่ได้รู้เลยว่าทักษิณแกล้งป่วย และเหตุผลที่สมเด็จฯ เพิ่งออกมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะในตอนนั้นยังเคารพในคุณธรรมและมารยาทอยู่ จึงยังไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้ออกมาเปิดเผย เพราะลูกสาวของทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขาดคุณธรรม” อังเคิลฮุน ระบุ
ส่วนท่าทีจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่รับเรื่อง ตั้งคณะกรรมการไต่สวน โดยกล่าวหา อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปแล้ว มีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็น “องค์คณะไต่สวน” ได้รวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว เหลือแค่การประสานขอผลสอบของ “แพทยสภา” มาประกอบการพิจารณาเท่านั้น
ทั้งนี้ ผลสอบของ “แพทยสภา” ดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่ง “หลักฐานชิ้นสำคัญ” ที่อาจไขกุญแจหาคำตอบการส่งตัว “ทักษิณ” ไปพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจได้ว่า อดีตนายกฯผู้มากบารมีรายนี้ ป่วยจริงหรือไม่ หลังจากแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยอาการ และการส่งตัว “ทักษิณ” ไปพักรักษาตัวแล้ว
อีกด้านหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม “ศาลฎีกา” ได้ยกเหตุอันควรสงสัยมาไต่สวนเรื่องนี้ เกี่ยวกับกรณีการบังคับโทษตามคำพิพากษา หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก “ทักษิณ” 3 คดี โทษจำคุกหลังได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี แต่กลับถูกครหาว่า มิได้เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว เพราะถูกส่งไปรักษาอาการป่วยที่ชั้น 14 ดังกล่าว
โดยในวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯได้ไต่สวนพยานปากแรกอย่าง มานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากนั้นได้มีคำสั่งเรียกพยานอีกจำนวน 20 ปาก โดยจะเป็นพยานกลุ่มแพทย์ พยาบาลของสถานพยาบาลราชทัณฑ์ พัสดีเวรประจำวันในช่วง 16.30 น. ถึง 8.30 น. ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อด้วย สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ สำหรับคิวการไต่สวนพยาน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 8 และ 15 ก.ค. 2568 เวลา 09.00 น.ตามลำดับ ต่อด้วยนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะเริ่มในวันที่ 15 16 22 และ 23 ก.ค.2568 ก่อนมีคำพิพากษาของศาลต่อไป
ท่ามกลางเครือข่าย “อนุรักษนิยม” หน้าเดิม ที่เตรียมยกระดับการชุมนุม โดย “พิชิต ไชยมงคล” แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ นัดหมายอีกรอบ 1 ก.ค.นี้ จะมีความเคลื่อนไหวอีกรอบหนึ่ง โดยคาดว่าอาจปักหลักชุมนุมใกล้ ๆ กับทำเนียบรัฐบาล ซึ่งแกนนำม็อบประเมินกันแล้วว่า เมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ถือว่า “จุดติด”
ดังนั้นการไลฟ์สดของ “อังเคิลฮุน” พร้อมด้วยการปลุกเร้าจากบรรดา “ม็อบอนุรักษนิยม” หน้าเดิม ๆ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้น โหมเชื้อไฟ “คดีชั้น 14” ให้ร้อนแรง และกลายเป็นเชื้อไฟผลาญ “รัฐบาลแพทองธาร” ให้ล่มสลายเร็วขึ้นหรือไม่ ต้องติดตามกัน อย่างน้อยก็ภายในเดือน ก.ค.นี้







