'จุลพันธ์' เห็นใจ 'แพทองธาร' ตกเป็นเหยื่อ 'กัมพูชา' ปมคลิปเสียง

ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติเสนอเงื่อนไขให้เปลี่ยนตัวนายกฯ  หากไม่เปลี่ยนจะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่า สิ่งที่ตนได้ยินมาไม่ตรงกัน ดังนั้นต้องรอฟังให้ชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. รัฐมนตรีของพรรคคเพื่อไทยได้ติดตามการแถลงข่าวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และสถานการณ์ต่างๆ ต้องขอขอบคุณกองทัพที่ให้ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาลให้เป็นปึกแผ่น

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคลิปเสียงสนทนาที่ถูกเผยแพร่ ตนมองว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อคือ น.ส.แพทองธาร เพราะกัมพูชามีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่จะสร้างความแตกแยก

"สิ่งที่นายกฯ พูดในคลิปไม่มีวัตถุประสงค์ร้ายใดกับประเทศ เป็นแค่กลไกเจรจาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ในวันดังกล่าวก็เกิดผล ดังนั้นผมมองว่าไม่มีอะไรเสียหาย การประสานงานระหว่างผู้นำเป็นเรื่องธรรมดาเพื่อการขับเคลื่อนงาน สิ่งที่นายกฯทำ เป็นไปตามกลไกปกติ หากดูด้วยใจเป็นธรรมจะเห็นว่าไม่มีอะไร ทั้งคลิป 9 นาทีและ 17 นาที และสุดท้ายนายกฯกลับมาปรึกษากองทัพ" นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่ากรณีที่ฝ่ายการเมืองบางฝ่ายออกมาฉวยจังหวะทำให้สถานการณ์ดูตึงเครียดและเลวร้ายลงสำหรับประเทศไทย เช่นบางพรรคเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะมองว่าได้เปรียบในการเลือกตั้ง  หลายกลุ่มเรียกร้องให้ลาออก เพราะมองว่ามีโอกาสสำหรับคนของเขา ซึ่งตนมองว่านาทีนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาสร้างแรงสั่นสะเทือนให้รัฐบาล เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องยืนหยัดทำงาน แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ การเจรจากับสหรัฐอเมริกา รวมถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา 

เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีได้มีการแจ้งให้รัฐมนตรีทราบแล้วหรือไม่เรื่องการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยต่อรองหรือสอบถามอะไร เพราะต้องให้ความเป็นอิสระกับนายกฯ พิจารณา โดยตนเชื่อว่าหลังจากที่นายกฯ ทำงานมาเกือบปีทราบดีว่าจุดไหนที่เป็นปัญหา แล้วควรที่จะปรับเปลี่ยน และมีสิ่งที่ตนดีใจ คือจากการติดตามข่าวเมื่อ 19 มิ.ย. ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดพูดคุยต่อรองเรื่องตำแหน่ง เพราะทุกคนเห็นนประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนประเทศ

เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้คุยกับนายกฯ บ้างหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เมื่อพบกันได้ให้กำลังใจ และต้องยอมรับว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้นมีหลายเรื่องที่หนักจริงๆ  แต่นายกฯ สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดี ตามอัตภาพที่ควรจะต้องเป็น ตนขอชื่นชมนายกฯ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะทำให้นายกฯแข็งแกร่ง และประเทศไทยก็ยังต้องขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ต้องให้เวลากันเพื่อปฏิบัติหน้าที่กันต่อไป