วัดใจไล่‘ภท.’ หักดิบ-ปริ่มน้ำ ‘ฝ่ายค้าน’ตัวแปร งูเห่าค่าตัวพุ่ง

เกมวัดใจเพื่อไทยและภูมิใจไทย กับคิวการปรับ ครม. ที่ระทึกที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะเดิมพันสำคัญอยู่ที่ความเป็นไปของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ตามที่อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศยื่นคำขาด ถ้าไม่ได้คุมกระทรวงคลองหลอด ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน

นั่นเท่ากับว่า หาก 69 เสียงของภูมิใจไทย สลับขั้วไปเป็นฝ่ายค้าน เสียงรัฐบาล จากเดิม 324 จะเหลือ 255เสียง จากเสียงทั้งหมดในสภาฯ 495 เสียง เรียกว่าปริ่มน้ำแทบมิดคอหอย และถ้าดูท่าทีของเพื่อไทย เหมือนจะกล้าๆ กลัวๆ เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ เพราะถ้าแน่จริงว่าแผนหักดิบเอาอยู่

จะต้องไม่เห็นเงื่อนไข ล่าสุด กรณียื่นเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข กับ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้อนุทิน พิจารณาแลกกับการปล่อยเก้าอี้ มท.1 สุดท้ายหัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน เล่นบทแข็ง ยอมหักไม่ยอมงอ ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด

ทุกเสียงของสส.ฝ่ายค้าน จึงมีความหมายขึ้นมาทันตา หากเกิดฉากทัศน์ที่สีน้ำเงินตั้งป้อมรบกับรัฐบาลแพทองธาร ในบทบาทฝ่ายตรวจสอบ

ไม่เพียงแต่รัฐบาลที่ต้องการงูเห่า ทางภูมิใจไทยเอง ก็ขยับให้เห็นแบบไม่มีอะไรต้องปิดบัง การดีลก๊วนสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำกลุ่มมะขามหวาน ที่มี 6 สส.เพชรบูรณ์ พลังประชารัฐในมือ และยังดีล 2 สส. อุดรธานี จากไทยสร้างไทยอีกด้วย แล้วที่ยังไม่เปิดหน้าไม่รู้อีกกี่คน

ฝ่ายค้านบางกลุ่มบางก้อนเดิมจึงเป็นตัวแปรสำคัญว่าจะช่วยเติมเสียงรัฐบาลให้พ้นภาวะปริ่มน้ำได้ ก็อยู่ที่การตัดสินใจว่าจะอยู่ในสถานะเดิม เพิ่มเติมคือได้พวกใหม่สีน้ำเงินมาสมทบ

19 สส.ของพลังประชารัฐ ถูกจับตามากที่สุดพรรคหนึ่งว่าอาจเป็นตัวพลิกเกม แต่ท่าทีของคนในพรรคส่วนใหญ่ ยังยึดแนวทางเดียวกับ“บิ๊กป้อม”ไม่ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

ท่าทีของก๊วนสันติ ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าถ้าต้องขยับขยาย ตัวเลือกพรรคสีน้ำเงิน จูงใจได้ดีกว่าพรรคสีแดง เพราะเคยมีประสบการณ์ที่สร้างความเจ็บใจตั้งแต่สมัยอยู่กับพรรคนายใหญ่ ที่ต้องเจอเหตุการณ์หว่านพืชแต่ไม่ได้ผล และไปเรียกร้องอะไรกับใครก็ไม่ได้

อีกทั้ง ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างสันติ กับเนวิน ชิดชอบ และอนุทิน นับว่าแนบแน่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น หากสถานการณ์พลิกผันให้ต้องเลือกตั้งเร็วกว่ากำหนด โอกาสที่ก๊วนมะขามหวานจะสวมเสื้อน้ำเงินสู้ศึกก็มีไม่น้อย ไอเดียเรื่องทำพรรคใหม่ อาจไม่ทันหรือไม่พร้อมในระยะเวลาอันใกล้นี้

กลุ่มก๊วนอื่นในพลังประชารัฐ ที่ต้องจับตาถึงท่าทีเช่นเดียวกันคือ ก๊วนกำแพงเพชร ของวราเทพ รัตนากร ที่มี 2สส.ในสังกัด คือ อนันต์ ผลอำนวย และปริญญา ฤกษ์หร่าย ก๊วนสระแก้ว 2 แม่ลูก ขวัญเรือน เทียนทอง และตรีนุช เทียนทอง และในส่วนของชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่มีลูกพี่ลูกน้อง คือ โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี ที่ต่างก็ภักดีบิ๊กป้อม ไม่ต่างจาก สส.คนอื่นๆ ที่เหลือ

ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่การดูแล สส. ตามสไตล์ประมุขบ้านป่า เอาเป็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายยังอาย ท่าทีของสส.พรรคลุง เลยสงบนิ่งไม่ค่อยหวั่นไหว จะมีก็แต่สันติที่โผล่ไปเจอ เน-หนู ให้เขาถ่ายรูปปล่อยข่าวกันสนุกแทบจะวันเว้นวัน

ถึงอย่างไรก็ตาม ก๊วนต่างๆ ในพลังประชารัฐ ที่นิ่ง ไม่ได้หมายความว่าชาตินี้จะไม่ไปไหน เว้นแต่ลุงจะวางมือ หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงก็ถึงเวลาต้องขยับ แต่จังหวะเฉพาะหน้าที่แดง-น้ำเงิน เล่นกันแรง การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต้องประเมินให้รอบคอบ

ยิ่งในสถานการณ์ที่ชายแดนกัมพูชา รุมเร้าแพทองธาร หลังคลิปเสียงหลุดคุยฮุน เซน ชนิดที่แทบจะยอมทุกประตู และวลีที่ว่าแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา ก็ยิ่งปลุกเร้าความหวาดระแวง ความไม่เชื่อมั่นในตัวนายกฯ จากตระกูลชินวัตร จนอาจจะกระทบเสถียรภาพทางการเมืองจนยากจะฟื้นคืน

เข้าทางฝ่ายค้านที่กดดันให้ยุบสภา และยิ่งเพิ่มปัจจัยเข้าทางภูมิใจไทย ซึ่งฐานที่มั่นสำคัญอยู่ตามแนวชายแดนกัมพูชา ที่รู้ดีว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจรัฐบาลอย่างหนักในเรื่องใดบ้าง

สถานการณ์ชายแดน อาจมีส่วนสำคัญทำให้ฝ่ายค้าน เล่นบทไล่ต้อนรัฐบาลได้เต็มที่มากขึ้น ในจังหวะที่กำลังเสียเหลี่ยมเพื่อนบ้านที่เล่นอะไรที่คาดไม่ถึง

อารมณ์ของผู้คนตอนนี้ที่มองสถานการณ์ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน อาจจะเป็นการตอกย้ำว่าสีน้ำเงินคิดถูกแล้วก็ได้ที่เป็นฝ่ายค้าน เพราะมีเงื่อนไขให้ลุยล้มรัฐบาลได้มากขึ้น

เพราะถึงได้ หรือไม่ได้คุมมหาดไทย ก็อยู่กันแบบหมดใจไปแล้ว แถมยังต้องฝ่ากระแสที่ไม่ค่อยจะบวก ยิ่งเพิ่มความยากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป