'วงเสวนาชายแดนไทย-กัมพูชา' หวั่นใจ วงJBCเสียรู้ดินแดน

'วงเสวนาชายแดนไทย-กัมพูชา' หวั่นใจ วงJBCเสียรู้ดินแดน

"กมธ.ทหาร" จัดเสวนาชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้สถานการณ์พื้นที่น่าหนักใจ "นักวิชาการโบราณคดี" กังวล คณะJBCไม่รู้เรื่องเขตแดน "คำนูณ" แนะรัฐบาลถอดบทเรียนคดีพระวิหาร

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จัดเวทีถกแถลง อภิปราย และแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคง บริเวณพื้นที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ฐานะประธานกมธ.การทหาร กล่าวว่า  การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมาตนเห็นแล้วหนักใจ เพราะจากการรับฟังทหารในพื้นที่ มีความเห็นว่าควรกำหนดเวลาเปิด-ปิดให้ตรงกับที่กัมพูชาต้องการ รวมถึงภาพรวมขณะนี้กัมพูชาปลุกเร้าประชาชนให้รักชาติ คลั่งชาติ แต่ในบ้านเรารู้สึกว่ากลับกัน ประชาชนปลุกเร้ารัฐบาลให้ออกมาทำเพื่อประเทศ  อย่างไรก็ดีมีประเด็นที่กมธ.ต้องหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยจะรวบรวมปัญหาในพื้นที่และความเห็นนักวิชาการไปศึกษาและเสนอแนะไปยังรัฐบาล อย่างไรก็ดี กมธ. ยืนยันต่อการทำหน้าที่ให้เต็มที่และสมบูณ์ เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของเราเต็มที่

'วงเสวนาชายแดนไทย-กัมพูชา' หวั่นใจ วงJBCเสียรู้ดินแดน

ขณะที่ นายวีรพันธ์ุ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า คณะกรรมการเจบีซี ซึ่งเป็นกรรมการที่มีหน้าที่เจรจาเรื่องชายแดน ต้องคำนึงถึงเรื่องสำคัญคือหลักเขต ซึ่งตนมองว่ากรรมการเจบีซีชุดปัจจุบันไม่รู้เรื่องหลักเขตแม้แต่คนเดียว จึงเป็นสิ่งที่ตนกังวล

ขณะที่นายดุลยภาค ปรีชารัชช อาจาร์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการประชุมเจบีซี ในวันที่ 14 มิ.ย.  ว่า หากกัมพูชาไม่เต็มที่ที่จะคุยหรือไม่ให้ความร่วมมือ สามารถบันทึกไว้และรอรอบต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้มองเห็นว่าไทยได้ใช้กลไกได้ดำเนินนการแล้ว ทั้งนี้ตนมองว่าไม่จำเป็นต้องถึงศาลโลก เพราะสามารถใช้กลไกอาเซียนดำเนินการได้

“ผมมองว่ากัมพูชาได้เปรียบ หากนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก มากกว่าอาเซียน ที่ไทยมีความเหนียวแน่นกับประเทศอาเซียนมากกว่ากัมพูชาที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งไทยสามารถใช้การเจรจาทางการทูตต่อสายได้ อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มีข้อเสนอให้ขับกัมพูชาออกจากสมาชิกอาเซียน เพราะมีความเป็นชาตินิยมแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะตามหลักของการก่อตั้งต้องไม่เลือกข้าง มีช่วงหนึ่งที่กัมพูชาเป็นประธานอาเซียนได้สร้างความผิดหวังเพราะเอียงไปทางจีน” นายดุลยภาค กล่าว

ทางด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสว. กล่าวตั้งข้อสังเกตว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา มักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. เสมอ อย่างไรก็ดีกรณีที่กัมพูชาพยายามทำให้เรื่องพิพาทเขตแดนระหว่างไทยไปสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) นั้น ตนขอคัดค้าน เพราะประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ เมื่อพิจารณาจากคำพิพากษาประวัติศาสตร์กรณีเขาพระวิหารเห็นได้ชัดเจนว่าไทยเสียเปรียบในหลายกรณีโดยเฉพาะกรณีที่ไทยถูกกฎหมายปิดปาก ดังนั้นตนขอเตือนให้รัฐบาลไทยอย่าทำอะไรที่เป็นจุดพลาดซ้ำในอดีต เช่น การประกาศยอมรับเขตของอำนาจศาลโลก การเปลี่ยนจุดยืนต่อแผนที่ที่คลาดเคลื่อน เพราะจากคดีเขาพระวิหารนั้นพบว่าศาลโลกให้ความสำคัญกับพฤติกรรม การแสดงออกมากกว่าสนธิสัญญา และที่ผ่านมารัฐบาลไทยในกรณีขัดแย้งนั้นพบว่ามีความย้อนแย้งและความไม่ต่อเนื่อง

อดีตสว. กล่าวด้วยว่าในความสัมพันธ์ของ 2 ครอบครัวชินวัตรและฮุน ว่า การเมืองภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศในตอนนี้แทบไม่เหลื่อมกันแล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายด้วยความยากลำบาก เพราะต้องยอมรับว่าประชาชนส่วนหนึ่งไม่เชื่อรัฐบาล เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำรัฐบาลด้วยกัน มองในข้อดีก็มี ถ้ามองในข้อเสียก็มี และท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาและไทยต่างกันตั้งแต่ต้น จนตอนนี้

“พ่อลูกฮุน พูดแรงทุกวันจนถึงวันนี้ แต่ของเรารัฐบาลพูดน้อยมาก บอกว่าพูดมากไปไม่ดี แต่คนนอกรัฐบาลที่ออกมาพูด บางทีก็ทำให้ดูแย่ ผมเชื่อว่าทหารในพื้นที่เจ็บปวดที่มาบอกว่าเอาพื้นที่ตรงนั้นมาทำสนามตะกร้อ แต่ยังมีทหารเสียชีวิต ผมว่าไม่ค่อยเหมาะ” นายคำนูณ กล่าว

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ตนขอเสนอให้วุฒิสภาตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาเป็นการเฉพาะ เรื่องดังกล่าวมีรายละเอียดพิสดาร และมีจำนวนมาก รวมถึงมีการต่อสู้กันยาวนาน เช่น กรณีของสนธิสัญญาให้เป็นไปตามสันปันน้ำและแผนที่ผิด ทำไมไม่พยายามหา หรือพิสูจน์สันปันน้ำ แม้ไทยจะเคยมีการพิสูจน์จุดของสันปันน้ำ ตั้งแต่ปี2505 แต่ศาลโลกให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวน้อย ทำให้ไทยแพ้ เป็นต้น จึงฝากวุฒิสภา ฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยในวาระที่อยู่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องดังกล่าว การรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ไว้เพื่อทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาอย่างสมบูรณ์ โดยกลไกจะเป็นประโยชน์

ทั้งนี้นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในช่วงท้ายเวทีว่า สนับสนุนให้มีการจัดงบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธ เพื่อใช้ตามภารกิจและบทบาทของทหารในการดูแลพื้นที่ ซึ่งตามแนวชายแดนไม่มีเฉพาะความมั่นคคงเท่านั้นแต่ยังมีประเด็นเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดด้วย  อย่างไรก็ดีต้องแยกแยะเรื่องผลประโยชน์ชาติที่ต้องรักษาอย่างสุดกำลังออกจากมิติทางการเมือง