'กัณวีร์'แนะ 'รัฐบาลไทย' ใช้สัมพันธ์การทูต คุย 'กัมพูชา'

'กัณวีร์'แนะ 'รัฐบาลไทย' ใช้สัมพันธ์การทูต คุย 'กัมพูชา'

"กัณวีร์" จี้ "รัฐบาลไทย" วางโรดแมพ เคลียร์ขัดแย้ง "กัมพูชา" แนะใช้ความสัมพันธ์การฑูตมากกว่าสัมพันธ์ส่วนตัว

ที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชา ว่า ตอนนี้ต้องดูการตอบสนองของทางกัมพูชา เพราะตอนแรกเรารับทราบว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาในกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจเข้าร่วม แต่จะไม่พูดหรือหารือ เรื่องข้อพิพาทตรงช่องบก เพราะสภาของเขาได้มีการตัดสินใจยื่นฟ้องศาลโลก จึงต้องรู้ว่าทางการไทยจะมีการเตรียมความพร้อมใน การประชุม JBC จะไปพูดอะไรกับเขา และมีการเตรียมความพร้อมในเรื่อง 30 จุดที่เป็นกรณีข้อพิพาทชายแดนไทยมากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามว่ามองท่าทีของกัมพูชาจะยอมอ่อนข้อให้ไทยหรือไม่หลังการพูดคุย นายกัณวีร์ กล่าวว่าสำหรับตนที่ติดตามงานชายแดนมาโดยตลอด เห็นว่าครั้งนี้กัมพูชาให้ความสำคัญ  เร่งรัดกระบวนการค่อนข้างจะรวดเร็ว แล้วไปถึงศาลโลกโดยทันทีทั้งที่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับไทย และใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ทำให้สถานการณ์ขึ้นจากระดับ 0 ไปถึง 90 ดังนั้นจึงมองว่าน่าจะมีประเด็นบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในรัฐบาลกัมพูชาด้วย รวมไปถึงการเมืองภายใน หรืออาจจะใช้ประเด็นนี้เรียกร้องความนิยม

“หากดูท่าทีของรัฐบาลไทยการตั้งการ์ดน่าจะหลวมตั้งแต่แรก แต่ในทางข้อมูลมั่นใจว่ากระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ  น่าจะมีข้อมูลเยอะอยู่แล้ว แต่การแสดงออกของฝ่ายบริหารค่อนข้างที่จะเบาๆ ทั้งที่น่าจะเข้มแข็งมากกว่านี้ รวมทั้งควรจะชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร และหลังจากการพูดคุยจะทำอย่างไรต่อไป ต้องเตรียมพร้อมให้เสร็จ เพราะเสร็จจาก JBC แล้วจะไป คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา ในวันที่ 16 - 20 มิ.ย.นี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องมีโรดแมพให้ชัด”นายกัณวีร์กล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ตระกูลชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้หรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของระหว่างสองตระกูลนี้มีส่วนกับสถานการณ์แน่นอน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะต้องเริ่มจากโครงสร้างระบบความสัมพันธ์ ทางด้านการทูตทั้ง 2 ประเทศ แต่ขณะนี้กลายเป็นพีระมิดกับหัว นำความสัมพันธ์ส่วนตัวของครอบครัวมาเป็นการนำ แม้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกชัดเจนว่ามีการพูดคุยกันเป็นประจำ แต่การพูดคุยกันเป็นประจำไม่ใช่การแก้ปัญหา ยิ่งทำให้สถานการณ์คลุมเครือมากยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองครอบครัวอาจจะทำให้เราลืมความสัมพันธ์ในบริบทเชิงโครงสร้าง

"มุมมองเรื่องนี้อาจมีเรื่องเกี่ยวกับคดีของนายทักษิณ อาจจะมองว่าเป็นไปได้ที่คุณทักษิณกังวล ว่าถ้าเกิดทำอะไรออกไปแล้ว อาจจะทำให้ฝั่งผู้นำกัมพูชาไม่พอใจ ทำให้ไม่สามารถเดินข้ามไปฝั่งกัมพูชาได้ หากมีอะไรก็ตามเกิดขี้น นี่เป็นการประเมินของนักวิเคราะห์ทางการเมืองไป ถามว่ามีความเป็นไปได้ไหม อาจเป็นเป็นไปได้ แต่จะร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ผมว่ายังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์"นายกันวีร์กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าท่าทีรัฐบาลไม่ได้หมายถึงว่าเรายอมกัมพูชาใช่หรือไม่ นายกันวีร์ กล่าวว่า ดูจากท่าทีของรัฐบาลแล้ว ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเขายอม นายกฯก็มาร้องเพลงชาติไทยเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้ยอมทางฝั่งกัมพูชาอย่างแน่นอน แต่มันก็มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมข้อมูลในการเจรจา