วีรกรรม ‘ณฐพร โตประยูร’ มือร้อง ‘นักเลือกตั้ง’ ชนักปมฟอกเงิน

ย้อนวีรกรรม “ณฐพร โตประยูร” 1 ใน 4 “จตุรเทพนักร้อง” ผู้ยื่นคำร้องถึงองค์กรอิสระไม่เลือกหน้า มือยื่นศาล รธน.ชง 138 สว.พ้นสมาชิกภาพ
KEY
POINTS
- ย้อนวีรกรรม “ณฐพร โตประยูร” 1 ใน 4 “จตุรเทพนักร้อง” ผู้ยื่นคำร้องถึงองค์กรอิสระไม่เลือกหน้า ตั้งแต่ยื่น “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ลามถึงยื่นสอบ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในเก้าอี้นายกฯเกิน 8 ปีหรือไม่ ก่อนยื่นศาล รธน.ชง 138 สว.พ้นสมาชิกภาพ
- แต่ก่อนเขาจะมาเป็น “นักร้อง” ก่อนหน้านี้เคยนั่งเก้าอี้ “ที่ปรึกษา” หลายองค์กร ทั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน-ปลัดกระทรวงมหาดไทย คอยกลั่นกรองข้อกฎหมายต่าง ๆ มาก่อน
- ทว่าคดีที่เป็นชนักปักหลังเขาคือ ถูกกล่าวหา 1 ใน 14 คนคดีฟอกเงิน จากการขายที่ดินสหกรณ์คลองจั่นฯ เสียหาย 477 ล้านบาท พบหลักฐานแคชเชียร์เช็คโอนเข้าบัญชี 60 ล้านบาท คดีจะหมดอายุความ 15 มิ.ย.นี้ “ดีเอสไอ” ยันนัดตัวส่งฟ้องวันนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ “ณฐพร โตประยูร” โลดแล่นผ่านสื่อหลายสำนัก ในฐานะ “นักร้องมืออาชีพ” ในการร้องเรียนสารพัดเงื่อนปม “ปัญหาทางการเมือง-ทุจริต” ไปยังองค์กรอิสระต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
โดยล่าสุด เขายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ชงเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ สว. 138 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ “ปีกสีน้ำเงิน” พ้นสมาชิกภาพ และขอให้ศาลมีคำสั่ง 138 สว.ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดยกล่าวอ้างว่า พบพฤติการณ์เซาะกร่อนระบอบการปกครอง แทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต พร้อมกับปูดชื่อ “2 ส.” คนหนึ่งเป็น “พลเอก” อีกคนหนึ่งเป็น “นักธุรกิจใหญ่” เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้ด้วย
พลันที่ “ณฐพร” ยื่นคำร้องดังกล่าว มีความเคลื่อนไหวร้อนแรงจาก “ค่ายน้ำเงิน” ทันควัน โดย “พรรคภูมิใจไทย” เดินหน้าเตรียมยื่นฟ้อง “ณฐพร” ในฐานหมิ่นประมาท พร้อมกับปูดเอกสารว่า อัยการสูงสุด (อสส.) มีหนังสือไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เรียกตัว “ณฐพร” ในฐานะ 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาคดีฟอกเงิน จากการขายที่ดินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เสียหายกว่า 477 ล้านบาท ไปฟ้องต่อศาล โดยคดีนี้จะหมดอายุความ 15 มิ.ย.นี้ ล่าสุด ดีเอสไอ ออกเอกสารชี้แจงยืนยันว่า ได้นัดเรียกตัว “ณฐพร” ในวันนี้ (28 พ.ค.) เพื่อเตรียมส่งตัวให้อัยการยื่นฟ้องศาลต่อไป
อ่านข่าว: ดีเอสไอนัด 'ณฐพร' มาฟ้องคดีฟอกเงินวันนี้ เหตุคดีหมดอายุ 15 มิ.ย.
บทบาทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ณฐพร” จากเดิมที่เคยเป็นอดีตที่ปรึกษาหลายองค์กร เช่น ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ช.พ.ค.ของ สกสค. เป็นต้น ก่อนก้าวเข้าสู่ “สปอร์ตไลท์ทางการเมือง” เมื่อกลางปี 2562 พลันที่เขายื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย “ยุบพรรคอนาคตใหม่” จากกรณีกล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับองค์กรในทฤษฎีสมคบคิด “อิลลูมินาติ” มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ แต่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง
หลังจากบทบาทนั้น “ณฐพร” เริ่มต้นทำหน้าที่ “นักร้อง” อย่างเต็มตัว จนเข้าสู่กลุ่ม “จตุรเทพนักร้อง” ตามรอย “ศรีสุวรรณ จรรยา-เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ-สนธิญา สวัสดี” โดยหอบพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระต่าง ๆ โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เช่น ปี 2562 ยื่นคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ต่อมาในปี 2563 เขาเคยยื่นคำร้องขอให้ตีความ การดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วเช่นกัน
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในส่วนคดีความสำคัญที่เป็นชนักปักหลังเขานั้น ยังคงเดินอยู่ นั่นคือกรณีตกเป็น 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาฟอกเงิน จากการขายที่ดินของสหกรณ์ฯคลองจั่น เสียหายกว่า 477 ล้านบาท โดยมีพยานหลักฐานชิ้นสำคัญคือ แคชเชียร์เช็ค โอนเข้าชื่อเขาจำนวน 60 ล้านบาทด้วย สรุปข้อเท็จจริงได้ ดังนี้
เงื่อนปมการทุจริตสหกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย หนีไม่พ้นกรณีการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงินความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท ส่งผลกระทบไปยังหลายภาคส่วนในสังคม ทั้งสังคมพระพุทธศาสนา แวดวงการเมือง และนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ โดยภายหลังมีการสอบสวนคดีทุจริตยักยอกเงินกว่าหมื่นล้านบาท จนมีการขยายผลไปถึงคดีฟอกเงิน มี 2 หน่วยงานเป็นผู้ตรวจสอบ ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลังจากนั้นมีการทยอยนำทรัพย์สินที่ถูกยักยอกไปอยู่ในชื่อของ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นฯ กับพวก เพื่อขายทอดตลาดชดใช้เงินคืนแก่สหกรณ์คลองจั่นฯ
กรณีการขายที่ดินของนายศุภชัย มูลค่ากว่า 477 ล้านบาท เกิดขึ้นในช่วงปี 2556 ศุภชัย ได้ทำหนังสือถึงดีเอสไอขอให้รับรองการดำเนินงานของสหกรณ์คลองจั่นฯ ต่อมา “ธาริต เพ็งดิษฐ์” (อธิบดีดีเอสไอ ขณะนั้น) ลงนามรับรองความโปร่งใสในการบริหารงาน ต่อมา “กิตติก้อง คุณาจันทร์” ผอ.ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ทำหนังสือถึง “ธาริต” ขอให้อายัดทรัพย์สินของศุภชัย เป็นที่ดินใน จ.นครราชสีมา และ จ.ปทุมธานี ในคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ และธาริตมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าว
ต่อมาช่วงเดือน ต.ค. 2556 คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงาน ปปง. มีมติให้คุ้มครองผู้เสียหาย ในคดีที่ศุภชัย กับพวก ยักยอกทรัพย์สินสหกรณ์คลองจั่นฯ โดยคณะกรรมการธุรกรรม แนะนำให้เลขาธิการ ปปง. (ขณะนั้นคือ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์) ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินการคุ้มครองผู้เสียหาย และนัดประชุมแสดงความยินยอมขายทรัพย์สินเพื่อนำเงินจากการขายให้แก่สหกรณ์คลองจั่น โดยปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ว่าด้วยการนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาด พ.ศ.2544 โดยอนุโลม ในการประชุมดังกล่าวมีตัวแทนของสำนักงาน ปปง. และดีเอสไอ เข้าร่วมด้วย โดยตัวแทนสำนักงาน ปปง. คือ นพดล อุเทน ส่วนตัวแทนฝ่ายดีเอสไอคือ ทรงพล บัวรอด เป็นผู้ลงนาม
สำหรับทรัพย์สินที่นำมาขายทอดตลาดคือ ที่ดินจำนวน 1,838 ไร่ (ที่ก่อนหน้านี้ถูกดีเอสไออายัดไว้) มีศุภชัยเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด ขายให้กับบริษัท พิษณุโลก เอทานอล จำกัด รวมเป็นเงิน 477,880,000 บาท สั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า มีการสั่งจ่ายคืนสหกรณ์คลองจั่นแค่ 100 ล้านบาท แต่จ่ายคืนนายศุภชัยเป็นเงิน 249,784,489 บาท จากแคชเชียร์เช็คอย่างน้อย 6 ฉบับ ได้แก่
1.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย กระทรวงการคลังผ่านสำนักงานการคลังจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 19,877,327 บาท
2.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 100 ล้านบาท
3.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายธรรมนูญ โชติจุฬางกูร จำนวน 55,650,684 บาท
4.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย น.ส.พัชรา สงวนไชยกฤษณ์ จำนวน 27,344,500 บาท
5.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายสุรินทร์ ศีลพิพัฒน์ จำนวน 25,223,000 บาท
6.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำนวน 249,784,489 บาท
ในส่วนแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายคืนศุภชัยกว่า 249 ล้านบาทนั้น พบว่า มีการโอนแคชเชียร์เช็คให้กับ “ณฐพร โตประยูร” 60 ล้านบาท รวมถึงนิติบุคคลต่าง ๆ ในเครือข่ายของศุภชัยอีกจำนวนหลายสิบล้านบาท ทั้งที่ไม่ปรากฏชื่อในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน
โดยสำนักข่าวอิศรา รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ “ณฐพร” ชี้แจงกรณีนี้ว่า เงินที่โอนให้ 60 ล้านบาท เพื่อเป็นค่านายหน้าดำเนินการในการขายที่ดิน (บริษัท อินเตอร์อลาย แอนด์ กฎหมาย) แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า การทำสัญญาค่านายหน้าขายทิ่ดินดังกล่าว ทำขึ้นภายหลังมีการขายที่ดินไปแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2557 ซึ่งเป็นวันที่บริษัท พิษณุโลก เอทานอลฯ สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับสหกรณ์คลองจั่นฯ ศุภชัย และบุคคลต่าง ๆ รวมกว่า 477 ล้านบาทนั้น คือวันเดียวกับที่ธาริต ทำหนังสือถึง เจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา สาขาสีคิ้ว ให้ถอนการอายัดที่ดินดังกล่าว หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2557 พบว่า มีแคชเชียร์เช็คถูกโอนให้กับณฐพร และนิติบุคคล สหกรณ์ต่าง ๆ ในเครือข่ายศุภชัย รวมวงเงินหลายสิบล้านบาท
ถัดมา หัวหน้า คสช.มีคำสั่งมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว โยกย้ายข้าราชการระดับสูงในดีเอสไอ และ ปปง. รวมถึงถูกสอบสวนอย่างเข้มข้น มีข้าราชการในดีเอสไอถูกสอบสวนทางวินัย และลงโทษไล่ออกจากราชการไปแล้วอย่างน้อย 2 รายด้วย เนื่องจากพบว่ามีเส้นทางการเงินไหลไปถึงวงเงินหลายสิบล้านบาท
สำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการจากดีเอสไอในกรณีนี้มีทั้งหมด 14 ราย ได้แก่
1.ศุภชัย (ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่เรือนจำ)
2.ณฐพร โตประยูร
3. พันตรีหญิงนาฏยา มุตตามระ
4.พันโทอมร มุตตามระ
5.อุมาดาห์ จำนงเขตต์
6.รัฐสิทธิ์ โตประยูร (กรรมการบริษัท อินเตอร์อลายซ์ฯ ของณฐพร)
7.โชคอนันต์ ช้อยสุชาติ
8.สถาพร วัฒนาศิรินุกุล
9.บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (สถาพรเป็นกรรมการ)
10.พรพิมล คัทธมารถ
11.บริษัท ยูเนี่ยนอินเตอร์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีศุภชัยเป็นอดีตกรรมการ
12.Kumar Latchman Sigh
13.สุลสิด ทะนะโสด
14.โบนาลิน ตระกูลทอง
อย่างไรก็ดีคดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุด ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีนี้ ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และมีสิทธิชี้แจงต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป







