‘3 ก๊กรัฐบาล’ ได้เสีย สังเวยอำนาจ เกมขย่มถอย ‘เปลี่ยนม้ากลางศึก’

แนวรบการเมืองและเศรษฐกิจ เป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ความคาดหวังของผู้คนกดดันรุมเร้าให้เร่งแก้ปัญหาให้เป็นที่น่าพึงพอใจ

การเข้ามามีอำนาจของเพื่อไทยรอบนี้ จึงนับว่าเป็นทุกขลาภอยู่ไม่น้อย เพราะปัญหาวันนี้หนักและอาจจะยากเกินไปสำหรับนายกฯ มือใหม่และอายุน้อยที่สุดแบบนี้ 

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต่อการบริหารงานของรัฐบาลครบ 6 เดือน ของรัฐบาล โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ 

ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค สูงถึงร้อยละ 86.7 และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา น้ำมันเชื้อเชื้อเพลิง อยากให้ทำต่อเนื่อง สูงถึงร้อยละ 67.5

สัดส่วนความต้องการประชาชนที่อยากให้รัฐบาลดูแลปัญหาปากท้องนับว่าสูงมาก แม้การสำรวจจะทำโดยหน่วยงานรัฐ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความเดือดร้อนที่แท้จริงจากปัญหาเศรษฐกิจในวันนี้ได้

ปัญหาทางการเมืองที่ใช้นิติสงครามฟาดฟัน เกมวัดพลังของขุมข่ายอำนาจในรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีแบ็คหนุนหลัง เดินเกมช่วงชิงความได้เปรียบ สร้างแรงต่อรอง

3 ก๊กในพรรคร่วมรัฐบาล กำลังโดนนิติสงครามพันแข้งพันขากันจ้าละหวั่น 

ผู้นำจิตวิญญาณแดง ต้องลุ้นเฮือกใหญ่หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เดินหน้าไต่สวนกรณีป่วยทิพย์ พักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด 1 ปีของทักษิณ ชินวัตร ฝ่ายอนุรักษนิยม หรือรัฐพันลึก น่าจะมีคำตอบว่าทักษิณยังมีประโยชน์ในทางการเมือง มากน้อยเพียงใด 

หลังได้รับโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล มาเกือบ 2 ปี ความนิยมอาจจะยังปั้นให้เป็นรูปเป็นร่างได้ไม่เท่าที่คาดหวัง เพราะเงื่อนไขการเมือง ที่ต้องยืมจมูกพรรคร่วมฯ และปัจจัยเศรษฐกิจที่ต้องแก้กันเฉพาะหน้าหลายเรื่อง และเจอบางเรื่องที่ควบคุมไม่ได้เช่น กำแพงภาษีสหรัฐฯ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณ คือกระดูกสันหลังของรัฐบาลนี้ก็คงไม่ผิด บารมีของคนเป็นพ่อ ช่วยค้ำบัลลังค์อำนาจของนายกฯ ลูกสาว ให้อยู่รอดปลอดภัย แต่วันใดวันหนึ่งหากทักษิณ ถูกสยบด้วยวิธีใดก็ตาม ย่อมสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯ ไม่มากก็น้อย จนดีลเปลี่ยน พรรคร่วมฯ บางพรรค อาจหมดเวลาเกรงใจ

อีกก๊กในรัฐบาล คือเครือข่ายสีน้ำเงิน ที่ถูกผูกโยงกรณีการเลือก สว. ที่โดนทั้งข้อหาฟอกเงิน ทั้งเรื่องฮั้ว ว่ากันว่า พยานหลักฐานต่างๆ ค่อนข้างแน่นหนา เชื่อมไปถึงมาสเตอร์มายด์ หรือผู้อยู่เบื้องหลังหลายระดับทางการเมือง ล้วนมีตำแหน่งแห่งที่และมีหน้ามีตาในสังคม

ส่วนก๊กที่เหลือ คือดีเอ็นเอลุงตู่ อย่างพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ที่กำลังโดนรุมขย้ำจากทั้งกรณีถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัท และเคสแจกถุงยังชีพติดรูปตัวเอง จน ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรม 

ทั้ง 3 กรณีของ 3 ก๊กในรัฐบาล ที่เป็นปัญหาตอนนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะการมีอยู่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันไปขัดผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียในเกมอำนาจ เลยต้องลากขึ้นสังเวียนนิติสงครามเพื่อหวังเขี่ยให้พ้นทางหรือสร้างเงื่อนไขต่อรองให้ยอมถอยในบางเรื่องหรือไม่ 

หลังจากนี้อาจเกิดดีลใหม่ หรือต้องวัดพลังกันอีกยกใหญ่

ในจังหวะที่รัฐบาลกำลังคลำหาหนทางสร้างคะแนนนิยม ที่ดูจะยากกว่าหลายยุคสมัยที่ผ่านมา บางฝ่ายอาจมีคำแนะนำให้แก้ปัญหาการเมืองให้สะเด็ดน้ำก่อน หรือหากจำเป็นต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะการปรับครม. เมื่อถึงเวลาก็อาจได้เห็น 

ไม่เช่นนั้นสถานการณ์อาจเกินเยียวยา ตราบที่คนส่วนใหญ่ยังเดือดร้อนจากเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง แรงกดดันลูกใหญ่ตรงนี้ อาจมีพลังมากพอ ที่จะสร้างกระแสเปลี่ยนผู้นำขึ้นในที่สุด การเมืองไทยอะไรก็ไม่แน่นอน