'กมธ.งบฯ' จ่อส่งข้อเสนอ ให้ปรับกม. เพิ่มค่าเยียยวยาแผ่นดินไหว

"สว.อลงกต" เผย กมธ.งบฯ จ่อทำข้อเสนอปรับเพิ่มเงินเยียวยา-ผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ด้าน "กมธ.ปราบโกง" ลุยสอบหาปมเหตุตึก สตง.ถล่ม
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ติดตามการบริหารงบประมาณ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีนายอลงกต วรกี สว.ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และการเยียวยาอาคารบ้านเรือน ที่ได้รับเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งเชิญตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
โดยนายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกทม. ชี้แจงว่า ขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องเพื่อขอรับการเยียวยาจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 32,279 คน ส่วนที่ ปภ.กำหนดให้แจ้งข้อมูลเพื่อขอรับเงินเยียวยาภายใน 30 วันนั้น ไม่ทัน เนื่องจากมีการตรวจสอบอาคาร และรับรองแล้ว ประมาณ 878 ราย ทั้งนี้การตรวจสอบไม่ง่าย และต้องใช้เวลาในการนัดหมาย ทั้งนี้คาดว่าจะส่งเอกสารที่ตรวจสอบให้ ปภ. ได้ในรอบแรกในวันที่ 28 เม.ย.
ด้านนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่า ทั่วประเทศมีสถานประกอบการได้รับผลกระทบกว่า 23 จังหวัด โดยมีสถานประกอบการประมาณ 198 แห่ง ส่วนกรณีมีผู้เสียชีวิตที่พื้นที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ข้อมูลล่าสุดคือ 47 ราย ยืนยันอัตลักษณ์บุคคลแล้ว 34 ราย แบ่งเป็น คนไทย 23 ราย และ แรงงานต่างชาติ 11 ราย นอกจากนั้นกำลังตรวจสอบอัตลักษณ์จำนวน 13 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 8 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 7 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 1 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมกมธ. ได้สอบถามถึงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับอาคารบ้านพัก หลังมีข่าวว่าบางรายได้ 70 - 300 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าเอกสารที่ต้องปริ้นท์เป็นภาพสี แต่นายอลงกต ไม่ยอมให้หน่วยงานชี้แจง แต่กลับชี้แจงด้วยตนเองว่า การจ่ายเงิน จะยึดตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินพ.ศ. 2563 ซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของได้รับความเสียหายเท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 49,500 บาท หากการชดเชยเยียวยาทุกกรณีผู้ยื่นคำร้องขอชดเชยไม่พอใจ และไม่ยอมรับการชดเชยที่กำหนดไว้ ผู้ยื่นคำร้องสามารถดำเนินการอุทธรณ์ และหากไม่พอใจกับอุทธรณ์ สามารถร้องตามกระบวนการการปกครอง ทั้งนี้การชดเชยทุกกรณีเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ พร้อมยืนยันอีกว่า กทม. ไม่ได้ทำอะไรโดยพลการ แต่ทำตามระเบียบ
ทั้งนี้ภายหลังการประชุม นายอลงกต ให้สัมภาษณ์ว่า กมธ.จะมีหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย สภาวิศวกร เพื่อขอความช่วยเหลือดำเนินการส่งวิศวกร มาช่วยตรวจสอบอาคารที่เสียหายในพื้นที่กทม. เนื่องจากบุคลากรของกทม.มีไม่เพียงพอ ซึ่งการตรวจสอบคาดว่าจะไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก
"ที่ประชุมกมธ. ได้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ได้รับความเสียหาย ได้รับการประเมินราคาเยียวยาอยู่ที่ 70 - 300 บาท ซึ่งเป็นราคาค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ได้ยึดระเบียบจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดราคาความเสียหายไว้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ โดยสามารถจ่ายเงินเยียวยาได้สูงสุดอยู่ที่ 49,500 บาทต่อหลัง และต่อให้บ้านมีราคา 10 ล้านบาท ตามระเบียบให้วงเงินมาเพียงเท่านี้" นายอลงกต กล่าว
เมื่อถามว่าการกำหนดวงเงินดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า หากจะมีการปรับระเบียบต้องไปแก้ระเบียบกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นกรณีพิเศษเหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือที่ผ่านมาต้องใช้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พบว่ามีความเสียหายเกินกว่าระเบียบที่กำหนดไว้ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย
"กมธ.มีข้อสังเกตว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเสียหายมากเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ ต้องมีการเยียวยามากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งบทบาทของสว. มีหน้าที่ตรวจสอบและแก้กฎหมาย ดังนั้นจะมีข้อเสนอ รวมถึงการปรับวงเงินมากกว่าปัจจุบัน และในระเบียบเดิมจะตีเป็นการเหมาจ่ายจะรวมค่าแรงด้วย แต่ที่มีความเป็นห่วงคือค่าวัสดุ อุปกรณ์ ที่อาจจะไม่สอดคล้องกับราคาปัจจุบัน" นายอลงกต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่ยื่นหนังสือ เพราะมองว่าหากไปยื่นก็ไม่คุ้มค่า นายอลงกต กล่าวว่า จุดอ่อนของ กทม. คือแทนที่จะทำงานเชิงรุกไปสำรวจความเสียหาย แต่กลับรอให้ประชาชนมายื่นคำร้อง แต่เข้าใจว่าบุคลากรมีไม่เพียงพอจริง แต่ขอพูดในฐานะคนกลางที่เห็นใจทั้งกทม.และประชาชน และมาเจอคำถามขณะยื่นคำร้องว่า พังเสียหายจริงหรือไม่ ซึ่งหน่วยราชการควรถามว่า พังเสียหายระดับนี้จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีการร้องเรียนเข้ามาทางกมธ. จะมีการเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม
ด้านนายสิทธิกร ธงยศ สว.โฆษกกมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่าในวันพุธที่ 23 เม.ย.นี้ กมธ.จะประชุมเพื่อติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ตึกสตง. แห่งใหม่ ถล่ม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารสูง และหน่วยงานต่างๆ และสว.ที่เป็นวิศวกร เข้ามาหารือและร่วมตรวจสอบ โดยคาดว่าจะใช้กรอบเวลาไม่เกิน 90 วัน จะได้ข้อสรุป ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบมีใครเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้โครงสร้างอาคารพังลงมา ก็จะยื่นองค์กรอิสระให้มีการตรวจสอบต่อไป.







