‘ทักษิณ’พลิกเกมเปลี่ยนแคมเปญ ปรับครม.‘นายแบงก์’ผงาดขุนคลัง?

เมษาฯที่ว่าหน้าร้อน ก็ยังไม่สู้การเมืองในขั้วรัฐบาล ที่กำลังร้อนระอุ เสี่ยงปะทุไปสู่ “จุดเดือด” จากหลากหลายปมในเวลานี้ 

ได้เห็นจากปรากฎการณ์ชิงไหวชิงพริบ ที่ 2 พรรคร่วมฯ เบอร์ 1 เบอร์ 2 ต่างฝ่ายต่างสาดใส่กันแบบไม่ยั้ง จึงน่าจับตาว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับใด

หลายฝ่ายประเมินหมุดหมายการเมือง หลังสงกรานต์ว่า อาจได้เห็นการเปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตอน หรือเปลี่ยน “ตัวละคร” ผู้เล่นก็เป็นได้ 

แม้ว่า ก่อนหน้านี้ จะมีการคาดการณ์จากบรรดาสำนักโพล หรือ แม้แต่ตัว “นายกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ยืนยันหลายครั้งหลายคราว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะกอดคอร่วมหัวจมท้าย บริหารราชการแผ่นดินไปจนครบเทอม 

ทว่า ด้วยศึกใน-ศึกนอกที่กำลังตีขนาบรอบด้าน ไม่ต่างจากสถานการณ์ของรัฐบาลเวลานี้ ที่กำลังเสียรังวัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไปไม่ถึงเป้าหมาย 

ทั้ง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งถูกกระแนะกระแหนมาโดยตลอดว่า เป็นนโยบาย"ไม่ตรงปก" จนถึงเวลานี้ เพิ่งดำเนินไปได้แค่เฟส 2 

ขณะที่เฟส 3 ในกลุ่มที่มีอายุ 16-20 ปี ที่ไม่ติดเงื่อนไขการครอบครองทรัพย์สิน และมีรายได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ประมาณ 15 ล้านคน คาดว่าจะเริ่มแจกเงินได้ช่วงปลายไตรมาส 2/2568 หรือเร็วที่สุดคือเดือน พ.ค.2568 เป็นต้นไป

หรือล่าสุด ร่างพ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ“กฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล วางหมุดหมายไว้ว่า จะเป็นโมเดลกระตุ้นเศรษฐกิจโกยรายได้เข้าประเทศ และหวังให้ส่งผลไปถึงเรตติ้งพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า 

เวลานี้กลับเจอเกมขวางทัั้ง“นอกสภา” และ “ในสภา” จนทำให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เกิดอาการหัวจะปวด จนต้องเลื่อนการพิจารณาวาระแรก จากเดิมจะพิจารณาในวันที่9 เม.ย. ไปเป็นสมัยประชุมหน้า ซึ่งจะเปิดฉากในเดือนก.ค. หรืออีก 3 เดือนข้างหน้า

แถมล่าสุดยังมีเกมขวางที่ชัดเจนจาก“พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกัน นั่นคือกรณีที่  “ลูกเนวิน”  ไชยชนก ชิดชอบ  สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาฯ “ไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน” 

แม้ภายหลัง “อาหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เคยโชว์หวาน “หลานอิ๊งค์” กลางสภาฯ “แพทองธารสู้ๆ” ในวันซักฟอก จะรีบชิงแก้เกี้ยวว่า “เป็นเรื่องผิดคิว ไม่ได้เป็นมติพรรคภูมิใจไทย”  

แต่การที่ “ลูกนายใหญ่” สีน้ำเงิน กล้าประกาศกร้าวในสภาฯ เช่นนี้ กลับยิ่งเป็นการตอกย้ำ “เกมชิงเหลี่ยมเฉือนคม” ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ยิ่งเร่งเร้าจุดเดือดยิ่งขึ้น 

ยังไม่รวม “วาระการเมือง” ทั้งประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเจอเกมขวางนโยบายเรือธง จนต้องแก้เกมกลับ ด้วยการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ หวังประวิงเวลา เส้นทางลงเหวตั้งแต่วาระแรก ยังไม่นับรวมอีกหนึ่งวาระร้อนการเมือง นั่นคือกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งสภาฯ เตรียมพิจารณาในสมัยประชุมหน้า เชื่อได้เลยว่า ดุเดือดแน่นอน 

หลายสถานการณ์ที่ทำให้ “นายกฯอิ๊งค์” และพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องเสียรังวัด แน่นอนว่า ย่อมต้องมีการรายงานตรงไปที่ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ตึกชินฯ และด้วยยี่ห้อ “นายใหญ่” แล้วไม่มีทางที่จะยอมเสียเหลี่ยมการเมืองโดยง่ายๆ แน่นอน

ไม่ต่างจาก “ประเด็นเศรษฐกิจ” ที่จะเป็นตัวชี้ขาดว่า “นายกฯอิ๊งค์” จะประคับประคองรัฐนาวาไปจนครบเทอมได้หรือไม่ อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งถือเป็นมรดกพรรคไทยรักไทย ขึ้นชื่อในเรื่องนโยบายประชานิยม ย่อมถูกคาดหวังในเรื่อง KPI ที่จะต้องไม่ด้อยไปกว่า “รัฐบาลทักษิณ” ผู้เป็นพ่อ 

 ว่ากันว่า ความเคลื่อนไหว“ทักษิณ”เวลานี้ กำลังเตรียมปรับยุทธศาสตร์ด้านนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยครั้งใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น หลังจากหลายนโยบายเรือธง โดยเฉพาะของเพื่อไทยที่ไปไม่ถึงความสำเร็จ พร้อมกับเร่งกู้กระแสพรรค ซึ่งถือเป็นการ “เปลี่ยนเกม”การเมืองที่ “ทักษิณ”ถนัด

ล่าสุดมีรายงานว่า “ทักษิณ” กำลังตั้งทีมด้านเศรษฐกิจ เพื่อทำนโยบายและแนวทาง ในการแก้หนี้ภาคประชาชน เพื่อเป็นเรือธงใหม่ และแคมเปญใหม่ สอดคล้องกับที่เคยพูดในหลายเวทีสาธารณะก่อนหน้านี้

โดยเฉพาะในเวทีพบปะคนเสื้อแดงภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ระบุว่า “จะประกาศนโยบายเศรษฐกิจอันใหม่ ซึ่งคิดกันกับ น.ส.แพทองธารว่า ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมด เพราะวันนี้หนี้ครัวเรือนเยอะเหลือเกิน จึงคิดกันว่าจะซื้อหนี้ทั้งหมด โดยการซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวนแล้วให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท”

แน่นอนว่า ประเด็นแก้หนี้เป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญลำดับต้นๆ เพราะนั่นจะหมายถึงเรตติ้งพรรคในการเลือกตั้งรอบหน้าอีกด้วย 

ว่ากันว่า “ทีมแก้หนี้” ตามโมเดลของ สทร.ทักษิณ จะมีระดับ“นายแบงก์” รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย อีกหลายคน เข้ามาร่วมวางยุทธศาสตร์ และแผนงานในเรื่องดังกล่าว

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของ “สทร.ทักษิณ”  ที่ซุ่มประชุมร่วมกับทีมบ้านพิษณุโลกอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางกระแสข่าวปรับ ครม.ที่คาดว่าจะมีขึ้นหลังสงกรานต์ หลายชื่อที่ถูกปล่อยออกมา โดยเฉพาะ “2 พิชัย” ทั้ง “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และ “พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์ ที่เคยถูกสส.พรรคเดียวกัน ซักฟอกกลางวงประชุมสส.พรรคมาแล้ว 

สัญญาณล่าสุด ทั้ง “2 พิชัย” กำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสสูงที่จะเข้าเรดโซน เป็นเช่นนี้ ต้องจับตา อาจจะมี “นายแบงก์” คนดัง ถูกดึงเข้ามาร่วมทีมบริหาร อาจจะเป็นแคนดิเดต“ขุนคลัง” คนใหม่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายใหญ่ทักษิณ เคยเจรจาทาบทามมาหลายครั้งหลายครา แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยขอช่วยให้คำปรึกษาอยู่เบื้องหลังเท่านั้น 

ต้องจับตาเม.ย.ร้อน หลังสงกรานต์อาจได้เห็นการเปลี่ยนเกม เปลี่ยนผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางเกมวัดพลังที่เกิดขึ้นรายวัน อาจถูกเขย่า เพื่อให้ขยาด ก็เป็นได้