'พิธา' ลั่น 'หมอโอ' จิ๊กซอว์สุดท้ายชิงนายก อบจ.ภูเก็ต ชูนโยบาย Blockchain

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สรุปผลการมาช่วยหาเสียงเมื่อคืนวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภูเก็ต Sandbox มากกว่า Bitcoin ไปสู่ Blockchain เพื่อภูเก็ตที่เท่าเทียม มาหาเสียงให้หมอโอ (นายแพทย์เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล) ผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต สังกัดพรรค ปชน. หมายเลข 2 จิ๊กซอว์สุดท้ายเพื่อ “ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ”

นายพิธา ระบุว่า ในมิติของการเมืองท้องถิ่น หมอโอ ผู้สมัครนายก อบจ. ภูเก็ต หมายเลข 2 คือผู้นำที่พร้อมจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาภูเก็ตให้ครบทุกมิติ ร่วมมือกับ สส. เขต 3 เขต และ สส บัญชีรายชื่ออย่างคุณรังสิมันต์ โรม ในการผลักดันภูเก็ตให้เป็นเมืองต้นแบบที่ดูแลทั้งคนในและใส่ใจคนนอก พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนภูเก็ตให้ทัดเทียมกับความเป็น “สวรรค์ของนักท่องเที่ยว” แม้ว่าภูเก็ตจะมีรายได้ต่อหัวสูงและได้รับงบประมาณ อบจ. ในระดับต้นของประเทศ แต่ดัชนีหลายด้านชี้ให้เห็นความท้าทายที่ซ่อนอยู่ เช่น อัตราอาชญากรรมสูง รั้งท้ายประเทศ อุบัติเหตุบนท้องถนนรุนแรง สูงสุดในประเทศ พัฒนาการเด็กเล็กอายุ 0-5 ปี อยู่ในระดับล่าง ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงช่องว่างของการพัฒนาและการกระจายทรัพยากรที่ไม่สมดุล ซึ่งต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถสมัยใหม่เข้ามาแก้ไข

นายพิธา ระบุอีกว่า การผลักดัน “ภูเก็ต Sandbox” ไม่ควรหยุดแค่การสร้างพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเพื่อดึงดูดการลงทุนและการท่องเที่ยวใช้ bitcoin เท่านั้น แต่ต้องก้าวไปข้างหน้า ด้วยการนำ เทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อสร้างความโปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาพื้นฐานในภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข การเกษตร การท่องเที่ยว หรือการบริหารจัดการที่ดิน

Blockchain คืออะไร? มาชวนเข้าใจกันง่าย ๆ Blockchain คือเทคโนโลยีที่ทำงานเหมือนกับ “ฐานข้อมูลยักษ์” ที่ทุกคนสามารถเชื่อมโยงได้ และข้อมูลนั้นจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยในระบบแบบที่ไม่มีใครแก้ไขได้ง่าย ๆ เพราะระบบนี้มีความปลอดภัยสูงมาก

บล็อกเชน (Blockchain) อธิบายง่าย ๆ คือ “สมุดบัญชีดิจิทัล” ที่ใช้บันทึกข้อมูล โดยทุกคนในระบบสามารถเห็นข้อมูลนี้ได้ แต่ไม่มีใครสามารถแก้ไขข้อมูลที่บันทึกไปแล้วได้ง่าย ๆ เพราะมันมีการเข้ารหัสและระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
หลักการทำงานของบล็อกเชน

1. ข้อมูลถูกบันทึกเป็นบล็อก (Block) ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมหรือบันทึกข้อมูลใหม่ จะถูกเก็บไว้ใน “บล็อก” หนึ่งบล็อก

2. บล็อกถูกเชื่อมต่อกันเป็นสายโซ่ (Chain) แต่ละบล็อกจะมี “รหัส” เชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้า ทำให้เกิดเป็นสายโซ่ของข้อมูล (Blockchain)

3. ทุกคนในระบบมีสำเนาข้อมูล บล็อกเชนไม่เก็บข้อมูลไว้ที่จุดเดียว แต่กระจายข้อมูลไปยังทุกคนในเครือข่าย (Decentralized) ดังนั้น แม้ข้อมูลในส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหาย ข้อมูลในส่วนอื่นก็ยังปลอดภัย

4. ข้อมูลเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ข้อมูลที่ถูกบันทึกลงบล็อกเชนแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงได้ง่าย เพราะระบบจะต้องได้รับการยืนยันจากทุกคนในเครือข่ายก่อน

โดยจุดเด่นของบล็อกเชนคือ

1. โปร่งใส (Transparency) ทุกคนสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ แต่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานยังคงปลอดภัย
2. ปลอดภัย (Security) ข้อมูลถูกเข้ารหัส (Encryption) และแก้ไขได้ยากมาก
3. ไม่มีตัวกลาง (Decentralization) ไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือหน่วยงานกลาง ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและความล่าช้า
4. ตรวจสอบได้ (Traceability) ทุกการทำธุรกรรมสามารถติดตามและตรวจสอบได้ตลอดเวลา

เปรียบเทียบง่าย ๆ ถ้าเปรียบเป็นสมุดบัญชี บล็อกเชนคือสมุดบัญชีที่ทุกคนมีสำเนาเหมือนกัน และทุกครั้งที่มีการบันทึกข้อมูลใหม่ ทุกคนต้องยืนยันว่า “ข้อมูลนี้ถูกต้อง” ก่อนจะเพิ่มเข้าไปในสมุด ถ้าเปรียบเป็นห่วงโซ่ ข้อมูลแต่ละชิ้นเหมือนห่วงโซ่ที่ล็อกไว้ด้วยกัน ถ้าคุณจะเปลี่ยนห่วงใดห่วงหนึ่ง คุณต้องแก้ไขทั้งโซ่ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้

"สรุปสั้น ๆ บล็อกเชนคือ “ระบบเก็บข้อมูลดิจิทัลที่โปร่งใส ปลอดภัย และกระจายตัว” ช่วยแก้ปัญหาการโกงและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบต่าง ๆ เช่น การเงิน การแพทย์ และการจัดการสินค้า" นายพิธา ระบุ

อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า Blockchain กับ 4 ด้านที่พลิกภูเก็ตได้ 1. การสาธารณสุข Blockchain สามารถจัดการข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย ทุกคนสามารถควบคุมข้อมูลสุขภาพของตัวเอง และแพทย์หรือโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ยกตัวอย่าง เอสโตเนีย ใช้ Blockchain จัดการข้อมูลสุขภาพประชาชน ลดข้อผิดพลาดและทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จัดทะเบียนยา วัคซีน ป้องกันปลอมปน

2. การเกษตร ใช้ Blockchain ในการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าเกษตร ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและมูลค่าสินค้า ตัวอย่าง ออสเตรเลีย ใช้ Blockchain ในการตรวจสอบสินค้าส่งออก เช่น เนื้อวัว ทำให้สินค้าได้รับความเชื่อมั่นจากตลาดโลก trace กลับได้เพื่อเพิ่มความเชื่อมันให้กับผู้บริโภค หรือความปลอดภัย

3. การท่องเที่ยว Blockchain สามารถช่วยจัดการข้อมูลนักท่องเที่ยว การจองบริการ และระบบเครดิตในท้องถิ่น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสะดวก ทำ smart contract ประกันท่องเที่ยว ตัวอย่าง จีน ใช้ Blockchain ในโครงการทดลองใน Hainan เก็บข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อปรับปรุงบริการอย่างโปร่งใส

4. การบริหารจัดการที่ดิน Blockchain สามารถนำมาใช้จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างโปร่งใส ป้องกันการทุจริตและแก้ปัญหาข้อพิพาท ตัวอย่าง สวีเดน ใช้ Blockchain ในระบบทะเบียนที่ดิน (Land Registry) ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเอกสาร

นายพิธา ระบุด้วยว่า หมอโอเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายเพื่อ “ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ” โดยการพัฒนาภูเก็ตให้สมบูรณ์แบบไม่ได้หยุดแค่การส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนภูเก็ตในทุกมิติ หมอโอ ผู้สมัครนายก อบจ. หมายเลข 2 พร้อมเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และใช้เทคโนโลยีทันสมัยอย่าง Blockchain เพื่อสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานและพัฒนาภูเก็ตให้เป็นต้นแบบที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต

“ภูเก็ต Sandbox” จะไม่ใช่แค่พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ แต่เป็นโมเดลความยั่งยืนที่ดูแลคนใน ใส่ใจคนนอก และสร้างมาตรฐานใหม่ที่ภูเก็ตสมควรได้รับ การทำงานร่วมกันที่มั่นคงเพื่ออนาคตภูเก็ต หมอโอ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข พร้อมทำงานร่วมกับ สส ณัฐพงศ์  ผู้นำฝ่ายค้านผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี สส ปกรณ์วุฒิ ประธานวิป อดีตคลุกคลีกับ Bitcoin Center ดร.ชัยวัฒน์ อดีตดูแล Cross Border Digital Currency โครงการ mBridge จากธนาคารแห่งประเทศไทย

"ขอให้พี่น้องชาวภูเก็ตมั่นใจ ว่าการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยกับการทำงานเป็นทีม จะทำให้ทีม อบจ. ของหมอโอเป็นทีมที่ ดูแลคนใน ใส่ใจคนนอก สร้างภูเก็ตที่ เท่าเทียมกัน เท่าทันโลก ได้อย่างแท้จริง 1 กุมภาพันธ์ กาเบอร์ 2 ทีมหมอโอ เพื่อภูเก็ต!" นายพิธา ระบุ

ภาพและข้อมูลจาก: Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์