เดิมพัน ‘พปชร.’ พ้นพรรคร่วม ‘ประวิตร’ เฮือกสุดท้าย ‘ชิงนายกฯ’

เดิมพัน ‘พปชร.’ พ้นพรรคร่วม ‘ประวิตร’ เฮือกสุดท้าย ‘ชิงนายกฯ’

งานนี้ เหมือน “ลุงป้อม” ยอมเทหมดหน้าตักทุบหม้อข้าว เพื่อเปลี่ยนเกมชิงอำนาจ“เก้าอี้นายกฯ คนที่31”ให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องสังเวยด้วยพรรคการเมืองที่ทุ่มทุนสร้างมาเองกับมือ

Key Points

  • พปชร. เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เดิมพันถึงขั้นหลุดจากรัฐบาล สส.กระจัดกระจาย จนอาจถึงขั้นสิ้นพรรคในที่สุด 
  • ในเกมนี้ที่ลุงป้อม คอยให้ท้ายเด็กหน้าใหม่ ทำงานใหญ่ จะคว้าเก้าอี้ นายกฯ คนที่31 ได้อย่างไร หลายคนยังมองไม่ออก
  • ดูเหมือนลุงป้อม ยอมทุบหม้อข้าว ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้ เสี่ยงแลกในเกมชิงอำนาจ  พรรคที่สร้างมากับมือสุ่มเสี่ยงเหลือแต่ซาก ไว้ให้คนเล่าขาน 

สถานการณ์ภายในพลังประชารัฐ อยู่ๆ ก็ดูเหมือนจะมีเอกภาพขึ้นมาในหมู่ สส.หลังการเคลื่อนไหวของ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรค ที่ตั้งตัวเป็นดีลเมกเกอร์ รับบทเกณฑ์คนพรรคอื่นเข้าพปชร.

ท่ามกลางข้อกังขาของคนในพปชร. ที่เห็นว่า แต่ละคนที่เข้ามาใหม่ ไม่รู้จะสร้างความนิยมให้เพิ่มขึ้น หรือยิ่งลดทอนเรตติ้งของพรรคกันแน่ ทั้งที่ของเดิมก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว

การออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาลของสามารถ ก็ยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับคนในพลังประชารัฐ เพราะมีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 

ปรากฎการณ์แช่ง “เศรษฐา ทวีสิน” ให้หลุดเก้าอี้นายกฯ พร้อมๆ กับการหาเสียง สส.จากต่างพรรคมาสนับสนุน ลุงป้อม “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ขึ้นเป็นนายกฯ แทน อาจลุกลามเป็นความขัดแย้งในรัฐบาล ท่ามกลางการจับตาถึง“เกมเขี่ยลุง”

การที่สามารถ วาดลวดลายจนคนในพรรคเอือมระอา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะลุงป้อม คอยถือหางให้ท้ายจนได้ใจ ว่ามีผู้ใหญ่คุ้มหัว จึงกล้าออกมาป่าวประกาศอยู่ตลอดว่า ไม่มีใครปลดออกจากพรรคได้

ภาพการโชว์พลังของสส.พลังประชารัฐ ที่พร้อมเข้าชื่อขับ สามารถ ออกจากพรรค แบบไปไหนไปกัน จึงเกิดขึ้นให้เห็น

การขับสามารถพ้นพรรค จะสำเร็จหรือไม่ อาจไม่มีความหมายเท่ากับความรู้สึกของกลุ่มบ้านใหญ่ และสส.พลังประชารัฐ ที่มีต่อลุงป้อม ที่เลือกเดินการเมืองในแบบที่เป็น จนแทบไม่เหลือทรง

การตัดสินใจของลุงป้อม หลายจังหวะทางการเมืองที่ผ่านมา ทำตัวเองเสียโอกาสมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะการมัวแต่โฟกัสเป้าหมายนายกฯคนต่อไปจนถึงตอนนี้ โดยไม่สนใจวิธี 

การให้สามารถ สนุกสนานเพลิดเพลิน ท้าทาย อาศัยชื่อลุง เป็นใบเบิกทางในการเคลื่อนไหวแบบสวนแนวทางคนส่วนใหญ่ของพรรค ยิ่งเร่งปฏิกิริยาให้ สส.ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่า จะฝากอนาคตกับพลังประชารัฐได้หรือไม่

จุดชี้ขาดสำคัญ คือลุงป้อม อาจจะต้องทรงตัวให้ดี หากเลือกสามารถ โดยไม่ตอบสนองความต้องการ สส.ส่วนใหญ่ที่ลงชื่อขับพ้นพรรค จะกลายเป็นจุดเสี่ยงถึง 2 เด้ง พาพลังประชารัฐถึงทางตัน

เด้งแรก พลังประชารัฐ ที่ปล่อยให้ลูกพรรคสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ย่อมมีข้ออ้างให้ถูกตะเพิดพ้นพรรคร่วมรัฐบาล แบบไม่ต้องแยแส เก้าอี้รัฐมนตรีโควตาพรรค มีโอกาสสูงที่จะถูกยึดคืน เพื่อเกลี่ยกันใหม่

314 เสียงของรัฐบาล หากขาด 40 เสียงของพลังประชารัฐไป รัฐบาลไม่สะเทือน ในเมื่อประชาธิปัตย์ 21 เสียงยังแสตนด์บาย 

แถมสถานการณ์แวดล้อมยังค่อนข้างเป็นใจ บิ๊กเนมรัฐบาลจากหลายพรรค ต่างจ้องเก็บตก สส.ก้าวไกล หลัง 7 ส.ค.นี้

เด้งสอง หากพลังประชารัฐ โดนเขี่ยพ้นรัฐบาลจริง กลุ่มบ้านใหญ่ และสส. ย่อมต้องดิ้นเต็มที่ ไม่ปล่อยให้ตัวเองพลอยฟ้าพลอยฝนตกจากหลังเสือไปพร้อมกับลุงด้วย เป็นรัฐบาลอยู่ดีๆ มีใครที่ไหนอยากจะไปเป็นฝ่ายค้าน

การเลือกตั้งครั้งต่อไป โอกาสที่สส.แต่ละกลุ่มก๊วนจะแยกทางจนพลังประชารัฐ เหลือแต่ชื่อ หรืออ่อนกำลังลงแบบฮวบฮาบ มีความเป็นไปได้สูง

เจ้าสำนักเพื่อไทย ที่ล็อกเป้าบ้านใหญ่ของพลังประชารัฐ ไปอยู่ด้วยนานแล้ว แต่กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องวัดใจ อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเอาอย่างไร เพราะลึกๆ ในใจร้องยี้ ด้วยเหตุผลร้อยแปด

พลังประชารัฐ วันนี้เต็มไปความเสี่ยงมากมาย แกนนำทุกคนต่างรู้ถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่กับลุงป้อม ที่ถูกมองว่าไม่มีอะไรจะเสีย ใครมาให้ความหวังก็คว้าไว้หมด ปล่อยไฟเขียวให้เด็กเดินงานเต็มที่

งานนี้ เหมือนลุงยอมเทหมดหน้าตักทุบหม้อข้าว เพื่อเปลี่ยนเกมชิงอำนาจ“เก้าอี้นายกฯ คนที่31”ให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องสังเวยด้วยพรรคการเมืองที่ทุ่มทุนสร้างมาเองกับมือ