'ภาคปชช.' จี้ 'กมธ.อากาศสะอาด' ทบทวนเนื้อหา หวั่นยึดผลประโยชน์บางกลุ่ม

'ภาคปชช.' จี้ 'กมธ.อากาศสะอาด' ทบทวนเนื้อหา หวั่นยึดผลประโยชน์บางกลุ่ม

"สาวิทย์" นำภาคปชช. ยื่นข้อเรียกร้อง ต่อ "กมธ.อากาศสะอาด" หวังให้ทบทวนบทบาท-การทำหน้าที่ หวั่นออกกฎหมายยึดประโยชน์บางกลุ่มมากกว่าส่วนรวม

ที่รัฐสภา เครือข่ายภาคประชาชน นำโดย  นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ....   เพื่อขอให้ทบทวนการทำงาน โดยมี  น.ส.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม รองประธานกมธ. คนที่หนึ่งและ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์  สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ฐานะโฆษก กมธ. รับเรื่อง

โดยนายสาวิทย์ กล่าวว่า การพิจารณาร่างกฎหมายควรพิจารณาให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน  เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาระยะยาว ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่สร้างปัญหาใหม่ ทั้งนี้จากการติดตามการทำงานของกมธ. พบประเด็นที่น่ากังวล คือ 

1. การแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายอากาศสะอาดของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนที่ผ่านบทบาทของที่ปรึกษา กมธ. ที่มาจากภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างมากเกินไป จนเสมือนเป็นการด้อยค่าบทบาทของกมธ.ตัวจริง 

2. การคัดค้านการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาดจากหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชน โดยอ้างวาทกรรมว่าเป็นการขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นการขาดความเข้าใจอย่างถูกต้องในหลักการของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง และมองไม่เห็นถึงความจำเป็นของการต้องมีกองทุนอากาศสะอาด 
 

3. มี กมธ. และผู้เกี่ยวข้องเข้าใจคลาดเคลื่อนในการพิจารณาเนื้อหาโดยยึดฉบับของคณะรัฐมนตรีเพียงฉบับเดียว ทั้งนี้การลงมติได้รับหลักการรวม 7 ฉบับ ทำให้การทำงานทั้งในคณะ กมธ. และในคณะอนุ กมธ.ให้น้ำหนักกับบทบาทของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นองคาพยพของฝ่ายบริหารมากกว่าบทบาทของคณะ กมธ. ที่ไม่ได้มาจากฝ่ายบริหารหรือที่มาจากหน่วยงานรัฐ 

4. การเชิญบุคคลหรือผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. เป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน แต่การได้รับข้อมูลและความเห็นดังกล่าวนั้น มักอยู่บนทัศนคติ อาจขาดการคิดสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 

นายสาวิทย์ กล่าวในข้อเรียกร้องด้วยว่า 
1. ขอให้การทำงาขนองกมธ.ฯ วางเป้าหมายยให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

2. ต้องให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนระบบกลไกโครงสร้างการบริหารจัดการและกำกับดูแลอากาศสะอาด และการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาด เพื่อใช้สำหรับการบริหารจัดการอากาศสะอาดให้ได้อย่างประสบผลสำเร็จ

ด้านน.ส.คนึงนิจ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าคณะ กมธ. ทำงานอย่างจริงจังและพิจารณาเนื้อหาอย่างรอบคอบเพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้จริง ไม่ใช่แค่ทำเพียงให้ได้ชื่อว่ามีกฎหมายอากาศสะอาดผ่านออกมาแต่เนื้อหาข้างในไม่มีอะไรที่การันตีได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง.