ลุยแคมเปญ ‘รวมไทยไปทั่วทิศ’ 'รทสช.'รุกสร้างฐาน สู้เกมยาว

ลุยแคมเปญ ‘รวมไทยไปทั่วทิศ’ 'รทสช.'รุกสร้างฐาน สู้เกมยาว

“รวมไทยสร้างชาติ” ในมือของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” จึงน่าสนใจว่า จะสามารถต่อยอด รักษามรดกของ “ลุงตู่” ไปได้ยาวนานแค่ไหน แต่แน่ๆ ชั่วโมงนี้ เสียงเชียร์จากกระแสอนุรักษนิยม ยังฝากความหวังไว้กับรวมไทยสร้างชาติ มากกว่าพรรคใดๆ 

KEY POINTS : 

  • พรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ในช่วงต่อยอดจากมรดกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ส่งต่อมาให้ ด้วยการทำให้ฐานเสียงระดับพื้นที่มีความเข้มแข็ง
  • เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาฯ รทสช. ลุยแคมเปญ "รวมไทยไปทั่วทิศ" ลงพื้นที่ในจังหวัดที่มี สส. รทสช. พร้อมกางแผนลงพื้นที่จังหวัดไร้ สส. แต่แต้มดี

นิ่งๆ แต่ไม่เงียบ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เริ่มเห็นมิติการขับเคลื่อนงานด้านการเมือง ทั้งในสภา-นอกสภา เพื่อต่อยอดมรดกที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ฝากฝังเอาไว้

ต้องยอมรับว่า 4,766,408 คะแนน ที่ส่งผลให้ รทสช.ได้ สส.บัญชีรายชื่อมาได้ 13 ที่นั่ง มาจากกระแส “ลุงตู่” ฉะนั้น การบ้านของทีมบริหาร รทสช. จะต้องวางเกม-วางคน เพื่อนำพาพรรคไปในทิศทางที่สามารถสู้กับพรรคการเมืองอื่นๆ ได้

ชั่วโมงนี้ รทสช. ได้ขยับรุกคืบ เพื่อยึดหัวหาดเบอร์หนึ่ง “อนุรักษนิยม” ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แม้เดิมทีแบรนด์ “ลุงตู่” ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรค รวมถึงรุ่นถัดไปอย่าง "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" เลขาธิการพรรค

หากจับตาการชิงไหวชิงพริบการเมืองของรวมไทยสร้างชาติ ที่เลี่ยงไม่พ้นการปะทะฐานเสียง “พรรคก้าวไกล” จะเห็นได้ว่า เลขาฯ ขิง “เอกนัฏ” เสนอญัตติด่วน ทบทวนมาตรการถวายอารักขาความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ย่อมตอกย้ำจุดยืนต่อฐานเสียง“อนุรักษนิยม”ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น

 

ฉากหลังของการเสนอญัตติด่วนดังกล่าว ระดับ“บิ๊กพรรคสีฟ้า” ขั้วอนุรักษนิยม อ่านเกมตรงกันว่า นี่คือโอกาสโกยกระแส แต่ รทสช.พลาดท่า ที่เดินเกมช้าไป จึงชิงเสนอญัตติแทรกเพื่อความได้เปรียบ มีการเดินเกม"ปิดดีลญัตติ"เบื้องหลังกันอย่างดุเดือด จนในที่สุด“บิ๊กพรรคสีฟ้า” ต้องยอมถอยฉากให้ รทสช.

"เกมในสภา" ต่อจากนี้ ต้องจับตา "รวมไทยสร้างชาติ" เบอร์หนึ่งอนุรักษนิยม จะฟาดฟันกับ “ก้าวไกล” ในฐานะเบอร์หนึ่งเสรีนิยม แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เพื่อช่วงชิงฐานเสียง ชิงแต้มต่อทางการเมือง

ส่วน "เกมนอกสภา" รวมไทยสร้างชาติ ชูแคมเปญ “รวมไทยไปทั่วทิศ” หวังกระตุ้นเรตติ้งระดับพื้นที่ในทุกภาค ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่   

โดยประเดิมครั้งแรกที่ จ.สงขลา เมื่อปลายปีที่แล้ว 17 ธ.ค. 2566 ครั้งที่สอง จ.ตรัง เมื่อต้นปี 15 ก.พ.2567  ครั้งที่สาม จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา

สำหรับการลงพื้นที่ จะมีแกนนำพรรค รัฐมนตรี สส. สลับกันอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบรับฟังปัญหาจากประชาชน เพื่อนำไปแก้ไข 

หากอยู่ในขอบเขตอำนาจที่ รทสช.ช่วยเหลือได้ทันที ก็จะเร่งดำเนินการ ให้เห็นผล แต่หากต้องประสานกับหน่วยงานอื่น จะทำหน้าที่ประสานงาน พร้อมแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนในพื้นที่ทราบเป็นระยะ

โดย “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” กำชับให้ สส. เอาจริงเอาจังกับการช่วยเหลือประชาชน เพราะต้องการวางรากฐานให้เข้มแข็ง เพื่อสู้กับกระแสการเมืองที่เชี่ยวกราก

ที่สำคัญ สส.รวมไทยสร้างชาติทุกคน ต้องสื่อสารผ่านออนไลน์อย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง

หลังจากนี้ จะปักหมุดไปยังจังหวัดที่มี สส.รวมไทยสร้างชาติ อาทิ เพชรบุรี ราชบุรี พิษณุโลก นครสวรรค์ ชลบุรี เป็นต้น 

ส่วนจังหวัดที่ไม่มี สส. จะทยอยวางกำหนดการลงพื้นที่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ขณะเดียวกัน จะเปิดพื้นให้อดีตผู้สมัครที่มีศักยภาพ สามารถหาสมาชิกเพิ่มเติม เน้นฐานการเมืองที่สำคัญ การมีส่วนร่วมของกิจกรรมพรรค เพื่อลงพื้นที่สร้างฐานเสียงด้วย

สำหรับผลงานในฐานะ “พรรคร่วมรัฐบาล” ต้องจับตาว่า “พีระพันธุ์” ในฐานะ รมว.พลังงาน จะสามารถรื้อโครงสร้างราคาพลังงานได้หรือไม่ เพราะหากราคาพลังงานไม่ลดลง อาจกลายเป็นจุดอ่อน ให้คู่แข่งนำไปโจมตี​​​

เช่นเดียวกับ "พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล" รมว.อุตสาหกรรม จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมได้มากน้อยเพียงใด โดยล่าสุดเริ่มเคลื่อนผ่านกลไกพรรคเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 (ฉบับที่...)พ.ศ.... เป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการทิ้งของเสียจากอุตสาหกรรมในระยะยาว

แกนนำ รทสช. ย่อมรู้ดีว่า กระแส “ลุงตู่” อาจใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ผลเท่าเดิม จึงต้องวางเกมในระยะยาว เพื่อรักษาแบรนด์เบอร์หนึ่งอนุรักษนิยม ให้อยู่ในกระแสการเมืองได้อย่างมั่นคง เพื่อไม่ให้เสียฐานการเมืองให้พรรคเครือข่ายอนุรักษนิยมด้วยกันเอง

“รวมไทยสร้างชาติ” ในมือของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” จึงน่าสนใจว่า จะสามารถต่อยอด รักษามรดกของ “ลุงตู่” ไปได้ยาวนานแค่ไหน แต่แน่ๆ ชั่วโมงนี้ เสียงเชียร์จากกระแสอนุรักษนิยม ยังฝากความหวังไว้กับรวมไทยสร้างชาติ มากกว่าพรรคใดๆ