ปานปรีย์ ยันการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก กลยุทธ์พาไทยคว้าโอกาสในยุคโลกปั่นป่วน

ปานปรีย์ ยันการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก กลยุทธ์พาไทยคว้าโอกาสในยุคโลกปั่นป่วน

ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกพาประเทศไทย คว้าโอกาสทางเศรษฐกิจท่ามกลางยุคโลกปั่นป่วนได้

ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Geopolitics 2024 ถึงบทบาทกระทรวงการต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนนโยบายท่ามกลางความท้าทายทั่วโลกว่า กต.พร้อมรับฟัง และทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อรับมือความผันผวนต่างๆ และนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศไทย

ความท้าทายโลกที่ส่งผลต่อไทย

ปานปรีย์ กล่าวว่า ความแตกแยกของโลกยังคงเป็นไปในทิศทางที่น่าเป็นห่วง และประเทศไทยเผชิญความท้าทายหลายด้านจากภูมิรัฐศาสตร์

ขณะนี้โลกประสบปัญหาความไว้เนื้อเชื่อใจกัน สถานการณ์โลกเปราะบาง และคาดเดายาก ความผันผวนในทุกมิติยังคงอยู่ อาจรุนแรงขึ้น และไม่อาจคลี่คลายในเร็ววัน เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาสที่ขยายวงกว้างสู่การโจมตีเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง จนกระทบการค้าระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ประเทศมหาอำนาจระหว่างสหรัฐ และจีนเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้นหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พบกันในการประชุมเอเปค ณ เมืองซานฟรานซิสโก และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐ ได้พบกันที่ประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความพยายามพูดคุยเพื่อบริหารความสัมพันธ์ให้มีเสถียรภาพ และเตือนว่า หากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐอีกครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของเอไอรู้สร้าง (Generative AI) ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายต่อเศรษฐกิจโลก และประเทศไทยเช่นกัน

แม้เอไอช่วยเพิ่มช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และการเมือง เช่น การใช้เอไอแทรกแซงการเลือกตั้งและเผยแพร่ข่าวปลอม ดังนั้น ไทยต้องมีความพร้อมกับกำกับดูแลการใช้เอไอ

การปรับตัว และโอกาสของประเทศไทย

รมว.กต. กล่าวว่า ประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมานาน และปีก่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ตกต่ำ ไม่สามารถพึ่งพาเศรษฐกิจเดิมๆ เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปฏิรูปการต่างประเทศ และเศรษฐกิจไทยเพื่อคว้าโอกาสจากบริบทภูมิรัฐศาสตร์

เนื่องด้วยโลกมองว่าอาเซียนมีศักยภาพในแง่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ไทยจึงควรใช้โอกาสนี้ดึงดูดการย้ายฐานผลิต และซัพพลายเชนมายังไทยและภูมิภาคอาเซียน จึงจะสามารถต่อยอดให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และพร้อมรับความท้าทายในอนาคต

ดังนั้น นโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบาย "การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก" มีความสำคัญช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ และส่งเสริมความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ หนุนเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงความตกลงการค้าเสรี ฯลฯ ทั้งยังอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตรา ให้วีซ่าฟรีแก่ประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่างจีน และประเทศอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มอาชีพที่สำคัญต่างๆ อาทิ นักธุรกิจ ซึ่งนอกจากช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจแล้ว ยังช่วยเพิ่มอำนาจหนังสือเดินทางให้กับคนไทยด้วย

ทิศทางการทูตไทย

รมว.ปานปรีย์ กล่าวว่า การคว้าโอกาสท่ามกลางโลกปั่นป่วนต้องดำเนินการผ่าน “การทูตเชิงรุก” เพื่อเสริมสร้างไทยให้มีเกียรติภูมิ กลับสู่เรดาร์ของโลก และเป็นรากฐานต่อยอดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

ประการแรก ไทยต้องรักษาความเป็นมิตร และมีความสัมพันธ์อันดีต่อทุกขั้ว และหลีกเลี่ยงการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ซึ่งการที่จีน และสหรัฐเลือกไทยเป็นสถานที่พบปะในระดับสูงล่าสุด ถือเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ความสำเร็จในการแสดงจุดยืนความเป็นกลางของไทย

นอกจากนี้ ไทยยังต้องร่วมมือกับประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ภูมิภาคนี้สงบ และปลอดภัยจากความขัดแย้งจากมหาอำนาจ เนื่องจากความปลอดภัยของภูมิภาคเป็นพื้นฐานในการต่อยอดการเติบโตของเศรษฐกิจ

ในประเด็นเมียนมา ไทยพร้อมสนับสนุนเมียนมาในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอย่างสันติวิธี และผลักดันการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับประชาชนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

นอกจากนี้ ไทยยังพยายามขับเคลื่อนการพัฒนาความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อในภูมิภาคทั้งด้านกายภาพ กฎระเบียบ และดิจิทัล ผ่านกรอบอาเซียน และกรอบความร่วมมือภูมิภาคต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจไทย

รองนายกฯ ย้ำ ปีนี้โลกยังคงเต็มไปด้วยความผันผวนมากมาย แต่ยังมีโอกาสที่ไทยสามารถคว้าได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางการดำเนินนโยบาย

ดังนั้น การต่างประเทศไทยจึงต้องมีน้ำหนัก และความชัดเจนจากภายใน ขณะเดียวกันต้องมีความคล่องตัวเชิงรุก และมองไปข้างหน้า และที่สำคัญคือ ต้องสามารถคว้าโอกาสทางเศรษฐกิจจากบริบทโลกที่ผันผวนได้อย่างเต็มที่ เพื่อความกินดีอยู่ดีและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

“กระทรวงการต่างประเทศพร้อมรับฟัง และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยกันเดินหน้าละรับมือกับความท้าทาย และความผันผวนต่างๆ รวมทั้งปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราจะจับมือกันพลิกฟื้นความเจริญรุ่งเรืองกลับมาสู่ประเทศไทย และนำประเทศไทยกลับสู่จอเรดาร์ของประชาคมโลกอย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งหนึ่ง" ปานปรีย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์