มท.1 สั่งเข้มทุกฝ่ายเร่งปราบมาเฟีย แก้หนี้นอกระบบ คืนความเป็นธรรมสังคม

มท.1 สั่งเข้มทุกฝ่ายเร่งปราบมาเฟีย แก้หนี้นอกระบบ คืนความเป็นธรรมสังคม

'อนุทิน' กำชับทุกฝ่ายเร่งปราบปราม 'ผู้มีอิทธิพล' ลุยแก้ปัญหา 'หนี้นอกระบบ' อย่างจริงจัง เน้นรักษาความสงบเรียบร้อย คืนความเป็นธรรมให้กับสังคม

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ร่วมมอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จึงขอขอบคุณทุกท่านในที่นี้ตั้งแต่ผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ที่ได้มาร่วมประชุมและรับฟังนโยบายจากท่านนายกฯ ในวันนี้ ทำให้เห็นว่าหากเราสามารถรวมพลังของทุกส่วน ภายใต้การนำของผู้ว่าฯ ผู้กำกับการตำรวจ นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ เพื่อให้ภารกิจในการสะสางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบบรรลุผลสัมฤทธิ์ ตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะทำให้ปัญหาหนี้นอกระบบลดลงไปอย่างแน่นอน โดยวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นอันดีที่ทุกคนจะได้รับและสนองโยบายของนายกฯ และรัฐบาลเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ

มท.1 สั่งเข้มทุกฝ่ายเร่งปราบมาเฟีย แก้หนี้นอกระบบ คืนความเป็นธรรมสังคม

นายอนุทิน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบต้องเริ่มจากความเข้าใจถึงความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชนได้รับจากการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงวิธีการทวงถามหนี้ ติดตามหนี้ที่เป็นลักษณะของการละเมิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความสงบเรียบร้อยของสังคม ซึ่งทุกท่านคงเห็นแล้วว่าตั้งแต่มีการเปิดรับลงทะเบียนมา มีผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้ถูกข่มเหงและรังแก มีการพังร้าน ทำร้ายร่างกายในหลายจังหวัด หลายกรณี ซึ่งเจ้าหนี้คงคิดว่านี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม อย่างไรก็ตาม นั่นคือการทำให้เกิดความมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขโดย “Law Enforcer (ผู้บังคับใช้กฎหมาย)” ที่อยู่ในที่แห่งนี้ จึงขอเน้นย้ำทุกท่านว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เราไม่ได้มองว่าลูกหนี้คือพระเอก หรือเจ้าหนี้เป็นผู้ร้าย แต่เรามองว่า เจ้าหนี้ที่กดขี่ข่มเหง และลูกหนี้ที่เบี้ยวการชำระหนี้เป็นผู้ร้าย จึงต้องมีการจัดระเบียบทั้งสองฝ่ายให้ถูกต้องเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม

มท.1 สั่งเข้มทุกฝ่ายเร่งปราบมาเฟีย แก้หนี้นอกระบบ คืนความเป็นธรรมสังคม

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ดังนั้นทุกท่านจึงต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือให้กับพี่น้องประชาชน โดยเริ่มจากใช้น้ำเย็นหรือไม้อ่อนด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจ หาเหตุผลในการทำให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการประนีประนอมร่วมกันให้ได้ หากสามารถตกลงกันได้ก็ไม่ต้องใช้กฎหมายบังคับ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้อาจจะต้องใช้กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทุกท่านมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้ การบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานด้านการเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นครั้งสำคัญที่พวกเราทุกคนบูรณาการความสามารถร่วมกันในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและบ้านเมือง

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าการทำงานร่วมกันจะทำให้เกิดพลังและความร่วมมืออย่างดีในการ ทำให้สังคมและประเทศของเราได้มีการพัฒนา เกิดความสงบสุข เกิดเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ลดความขัดแย้งของสังคมลง ซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงการคลังพร้อมที่จะบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกวิถีทางตามกฎหมาย ตลอดจนถึงให้การรับรองถึงความปลอดภัยของหนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชนถือว่าเป็นบุคคลที่มีเครดิต และมีสิทธิในการจะชำระหนี้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก พวกเราทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

“เราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้จากภารกิจนี้คือ การลดการข่มเหง การรังแกพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้ผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ได้มุ่งมั่นตั้งใจและมีความแน่วแน่ในการปฏิบัติงาน หากพวกเราร่วมมือกันในการปฏิบัติจะเป็นคุณูปการมหาศาลต่อบ้านเมือง ขอให้ทุกท่านได้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตนขอให้คำยืนยันว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทุกท่านอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จตามที่มุ่งมาดปรารถนาสูงสุดนั่นคือความสงบสุขของพี่น้องประชาชน แก้ไขความขัดแย้งจากปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยกันทำให้สังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยได้มีความเข้มแข็งและมั่นคง” นายอนุทิน กล่าว