ขับ สส.ปราจีนฯ 'ก้าวไกล' แต่อุ้ม สส.ฝั่งธนฯ เหตุเสียงไม่ถึง ปมคุกคามทางเพศ
‘ก้าวไกล’ มีมติขับ ‘วุฒิพงศ์’ สส.ปราจีนบุรี พ้นพรรค แฉใช้อำนาจตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัครฯ แต่อุ้ม ‘สส.ปูอัด’ เสียงขับไม่ถึง 3 ใน 4 รอคาดโทษ จี้ออกมายอมรับผิด ขอโทษสังคม-เยียวยาผู้เสียหาย ด้าน ‘ชัยธวัช’ หนุนหาก 2 สส.แสดงสปิริตลาออกเอง เป็นนิมิตหมายที่ดีทางการเมือง
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 เวลา 17.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ สส.ก้าวไกล เพื่อพิจารณาลงมติผลสอบสวน สส.พรรคก้าวไกล 2 ราย ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ที่คณะกรรมการวินัยของพรรคพิจารณาแล้วเสร็จ กรณีถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศทีมงานสาวของพรรค โดยใช้เวลาในการหารือกว่า 6 ชั่วโมง
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงของการลงมติว่าเห็นควรจะต้องลงโทษสส.ทั้ง 2 รายในสถานใดหรือไม่ ที่ประชุมได้มีการเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของ กก.บห. และ สส.ที่มีสิทธิ์ลงมติ โดยนำออกมาวางนอกห้องประชุมด้วย
ต่อมาในเวลา 23.15น. หลังการประชุมแล้วเสร็จ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารและสส.ของพรรคก้าวไกล มีความเห็นว่าทั้ง 2 กรณี มีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงมติให้นายวุฒิพงศ์ พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ขณะที่นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เนื่องจากเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ กก.บห.และ ส.ส.ที่มีอยู่ จึงยังไม่สามารถขับนายไชยามพวานพ้นจากสมาชิกได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรติดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก อาจจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค
นายชัยธวัช กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมตั้งเงื่อนไขว่านายไชยามพวานจะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อสังคม และชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย แต่หากนายไชยามพวานยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษและเยียวยาผู้เสียหายก็จะมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ความต่างที่เกิดการถกเถียงกันของ 2 กรณีนี้คือ ในหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกันมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคจนกระทั่งเป็น สส. และใช้อำนาจของตัวเองในการปกปิดความผิดจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ประชุม สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่ามาตรการลงโทษมีความรุนแรงแตกต่างกัน
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าไม่ได้เกิดการบังคับเขินใจและไม่ได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริงๆ หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่สามารถให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือทีมงาน ตรงนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะมาอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้
เมื่อถามว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมของสภาเพื่อตรวจเรื่องนี้พรรคก้าวไกลยินดีให้ตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าจะมีการตรวจสอบพรรคก็ให้ความร่วมมือยู่แล้ว และโดยพื้นฐานพรรคก็มีมติชัดเจนตั้งแต่กรรมการวินัยฯและคณะกรรมการบริหารว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง
เมื่อถามว่าแม้ว่าโทษของที่ประชุมจะไม่เหมือนกัน แต่มติของกรรมการวินัยฯ และกก.บห.พรรคเห็นตรงกันว่าผิดวินัยร้ายแรงทั้งคู่จะมีการขอให้ทั้ง 2 ลาออกจาก สส.เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้ง 2 คน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่พึงทำ และตนเชื่อมั่นว่าแม้คนที่ทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมพร้อมจะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าไปคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิดและจำเป็นต้องรอกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดก่อนเท่านั้น
“ผมก็สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี” นายชัยธวัช กล่าว